Thursday, April 23, 2009

ขวัญ อุษามณี โต้งานกุศลเรียกเงินแสน

ขวัญ อุษามณี โต้งานกุศลเรียกเงินแสน งานเข้าได้ตลอดเวลา สำหรับ ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ ที่โดนเจ้าภาพงานหนึ่งที่จัดงานกุศล จ.ตราด ออกมาแฉว่าถูกแหกตา หลังจากรับปากว่า จะไปช่วยงานกุศลฟรี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ที่ไหนได้เวลาผ่านไป คุณแม่ของนางเอกสาว กลับโทรไปทวงค่าตัว 1 แสนบาท ทำเอาเจ้าภาพ งง เป็นไก่ตาแตก รีบหาเงินมาให้ก่อน 2 หมื่นบาทขาดอีก 8 หมื่น ซึ่งก็ทำเอาเครียดไปเลย ด้าน นางเอกสาว แจงว่า ไม่เคยทำพฤติกรรมเช่นนั้น "เราอยู่วงการมานานเราไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เราก็มีผู้ใหญ่ที่คอยดูแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเราเข้าไปเสี่ยงหรอก เรื่องมันมีอยู่ว่าตัวประกอบนักแสดงเรื่องหนึ่ง มาคุยกับแม่ บอกให้ไปช่วยงานนี้นะ แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่ช่อง7 ไป เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครแล้วก็มี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังไปด้วย แม่ก็เลยไปช่วย เพราะเราก็เข้าวัดกันอยู่แล้ว ทำบุญทำทานกัน" เห็นบอกว่า แม่โทรไปทวงค่าตัว 1 แสนบาท" ไม่ใช่หนึ่งแสนค่ะ หนูได้ค่าตัวมาแค่ 2 หมื่นเอง เพราะค่าตัวขวัญไม่ใช่แค่นี้อยู่แล้ว แต่เค้าให้เรามาเป็นค่าน้ำมัน ค่าน้ำใจเฉย ๆ แม่ไม่ได้ไปทวงเงินอะไรค่ะ ขวัญ ไม่รู้ว่าแต่ละคนพูดยังไงปากต่อปาก แต่ถ้าขวัญพูดไปแล้ว ก็ขอให้มันจบแล้วกัน เราถือว่าเราช่วยงานการกุศล เราเป็นพุทธศาสนิกชน ต้องไปช่วยศาสนาอยู่แล้วถ้าสิ่งไหนที่ไม่ดี ก็มองข้ามไปอีกจุดหนึ่ง ก็ทำให้ขวัญเข้มแข็งขึ้น" ตามข่าวระบุว่า เป็นงานฟรี แต่แม่ขวัญดันมาเรียกค่าตัวในภายหลัง"ไม่ได้เรียกค่าตัว คือ ตราดกับกรุงเทพ ไม่ใช่ใกล้ ๆ ขวัญพูดไปแล้ว ถ้าแม่ขวัญจะไปเรียกอย่างนั้น เราไม่ทำอยู่แล้วให้คนอื่นทำดีกว่ามั้ย เพราะทางขวัญกับแม่ก็เสีย" ในข่าวบอกว่า ตกลงทำงานกันไว้ 2 วัน แต่ขวัญทำงานแค่วันเดียวแล้วก็ไปเที่ยวช็อปปิ้งกับครอบครัว อีก 1 วัน "ขวัญ ไม่รู้ว่าข่าวออกมาจากไหน ใครจะเขียนถึงขวัญยังไงก็ได้ เขียนว่างานมีกี่วันก็ได้ ซึ่งจริง ๆ เค้าขอให้ขวัญไปแค่วันเดียวค่ะ ให้เราไปร้องเพลง ไปร่วมกิจกรรมกับชาวจังหวัดตราดซึ่งเราก็ทำ แล้วตอนหลังก็มีผู้ใหญ่บอกว่า จะให้ค่าน้ำมันนะ เราก็ขอบคุณค่ะ แล้วเค้าก็โทรติดต่อกันเอง ถามแฟนคลับได้ขวัญไม่ได้เรียกเงินเลย เค้าให้เองค่ะ" รู้สึกยังไงบ้างที่เจอข่าวฉาว ๆ อีกแล้ว "คิดซะว่าทุกคนต้องมีอุปสรรคต้องฝ่าฟันในเส้นทางของตัวเองมากกว่า ก็รู้สึกดีกับพี่นักข่าวบางคน ที่เห็นใจเรา กลัวเราเครียด ได้รับความเป็นห่วงเป็นใย ข่าวไหนไม่ดีก็รับรู้ไว้ตอบไปให้เคลียร์ สำหรับขวัญ ข่าวไหนที่พูดไปแล้วก็ขอให้มันจบไม่อยากให้มีต่อไปเรื่อย ๆ ไม่จบ ขวัญเหนื่อยที่จะพูด" จริงหรือเปล่าที่ข่าวฉาว ทำให้ขวัญโดนปลดจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ "ไม่มีนิค่ะ อุ๊ย...หนูอะโดนหมดแหล่ะ โดนปลดโดนรีไทน์เรียน แต่ความจริงไม่มีเลยค่ะ ล่าสุด ก็เพิ่งมีโฆษณาออกมานี่เอง เหนื่อยที่จะพูดคิดกันได้นะ"

หลานสาว หนุ่ม กรรชัย โต้ไม่เคยให้หนุ่มอยู่ห้องคนใช้

หลานสาว หนุ่ม กรรชัย โต้ไม่เคยให้หนุ่มอยู่ห้องคนใช้ ดูท่าว่าเรื่องจะไม่จบลงง่าย ๆ เสียแล้วสำหรับกรณีที่พิธีกรอารมณ์ดี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ที่ออกมาฟ้องร้องแม่เลี้ยงเพื่อขอเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและจัดแบ่งมรดกของบิดาซึ่งก่อนหน้านี้ หนุ่ม กรรชัย ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุชื่อดัง "แฉแต่เช้า" เพื่อเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปถึงสาเหตุของการฟ้องร้องในครั้งนี้ โดยหนุ่ม กรรชัย ได้เล่าว่าหลังจากที่พ่อของตัวเองเสียชีวิต ก็ไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือจากทางแม่เลี้ยงสักเท่าไหร่รวมทั้งยังเล่าด้วยว่า เคยแม้กระทั่งถูกจับให้ไปอยู่ห้องคนรับใช้ รวมทั้งในงานบวชของเจ้าตัวก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือทางจากแม่เลี้ยง มีเพียงป้าแท้ ๆ ที่ช่วยเหลือ

ล่าสุดทางบ้านใหญ่โดยมี "พลอย" หลานสาวของหนุ่มกรรชัย ได้ออกมาโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าที่ผ่านมาทางบ้านใหญ่ไม่เคย จับหนุ่ม กรรชัยไปอยู่ห้องคนรับใช้เลย อีกทั้งในเรื่องของการบวชที่ทางฝ่ายหนุ่ม กรรชัยออกมาตัดพ้อว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะทางด้านแม่เลี้ยงของหนุ่ม กรรชัยก็เป็นธุระจัดการให้เหมือนกัน ย้ำมีหลักฐานใบรับรองการขออุปสมบทยืนยันซึ่งทางด้านตัวแทนบ้านใหญ่ยังได้กล่าวอีกด้วยว่าทางที่บ้านใหญ่ก็พร้อมสู้ ไม่คิดจะไกล่เกลี่ยแต่แรกอยู่แล้ว แต่เมื่อทางศาลท่านแนะนำมาก็ยินดีไกล่เกลี่ยตามคำแนะนำ ซึ่งงานนี้ตัวแทนบ้านใหญ่กล่าวถึงจุดประสงค์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่าทางด้านคู่กรณี หนุ่ม กรรชัย จะฟ้องร้องแล้วชนะก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าอย่างไรก็ให้มาตลอดอยู่แล้ว แต่อย่างน้อย ๆ ก็อยากยืนยันว่า เรื่องด้านศีลธรรม หรือเรื่องความเห็นอกเห็นใจกันนั้นทางบ้านใหญ่ก็ไม่ต้องบกพร่อง และที่ออกมานี้ก็เพื่อ ต้องการให้อีกฝ่ายยอมรับด้วยว่าที่ผ่านมานั้น ได้อะไรไปบ้าง ไม่ใช่ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีไม่เคยได้อะไรเลยโดยในการนัดเจรจาครั้งแรกนั้นล้มเหลว ทางศาลจึงได้มีการนัดไกล่เกลี่ยกันอีกครั้งในรอบที่สอง ซึ่งเรื่องนี้ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าสรุปแล้วเรื่องจะลงเอยอย่างไร

Wednesday, April 22, 2009

อู๋"เสียใจ"แพร์ ไม่ยอมให้อภัย

อู๋"เสียใจ"แพร์ ไม่ยอมให้อภัย "ตอนนี้แพร์ก็ยังไม่ยอมให้อภัยผม" หนุ่ม "อู๋"นวพล ภูวดล เผยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ถึงเรื่องที่แฟนสาว "แพร์"พรรัมภา สุขได้พึ่ง ขอห่างเรื่องความสัมพันธ์"ผมเองรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก็พยายามที่จะคุยกับเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่คุยกับผม อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาพยายามให้โอกาสผมหลายครั้ง แต่ผมก็ทำให้เขาไม่ได้ ครั้งนี้จึงเหมือนกับว่าไม่ไหวแล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นจากผมเองแหละ แล้วก็เกิดหลายครั้งแล้ว""คือบางครั้งผมพูดอะไรไม่ค่อยคิด และทำนิสัยอะไรที่แก้ไม่หาย คือจริงๆ ผมถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ไม่เคยเอาใจใคร พอมีแฟนผมก็คิดว่าจะพยายามปรับ แต่อาจยังไม่ดีพอ และบางครั้งก็อาจจะขาดความเอาใจใส่กับน้องเขาไป ตอนนี้ผมพยายามจะคุยกับน้องเขา แต่เขาก็ไม่ยอมเจอหน้า ยกเว้นไปเจอกันตามงาน แต่ยังดีที่เขายังรับโทรศัพท์"เมื่อสอบถามเรื่องนี้กับสาวแพร์-พรรัมภา เจ้าตัวถอนหายใจก่อนบอกว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นสำหรับแพร์แล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และหลายคนที่รู้เรื่องก็บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ แต่เราไม่สามารถที่จะบอกใครได้ มันเป็นเรื่องนิสัยที่เขายังเป็นแบบเด็กๆ อยู่"

หนึ่ง” โกหก การ์ตูน ยัน ไม่ได้เป็นเมียน้อย

หนึ่ง” โกหก การ์ตูน ยัน ไม่ได้เป็นเมียน้อย “การ์ตูน” ตอกเมีย “หนึ่ง” โกหก ยืนกรานไม่ได้เป็นเมียน้อย ซัด โดนฝ่ายชายหลอกว่าเลิกกับเมียแล้ว สุดเสียใจถ้ารู้คงไม่ยุ่งตั้งแต่แรก เผย เครียดหนักถึงขั้นเคยคิดฆ่าตัวตาย เจ้าตัวร้องขอโอกาส และขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง บอกเป็นไปได้อยากกลับไปแก้ไขอดีตหลังจากสาว “การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร” ยกเลิกการออกรายการ “วันวานยังหวานอยู่” กะทันหันเพื่อหนีการตอบคำถามกับผู้สื่อข่าว กรณีที่ถูก “พิมพ์” เมีย “หนึ่ง” อดีตเจ้าบ่าวของสาวการ์ตูน ออกมาแฉเรื่องที่เจ้าตัวเคยเป็นเมียน้อยตั้งแต่ม.3 และมาแต่งงานกับสามีของตนตอนปี 2546 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้รับการยืนยันจากผู้จัดการส่วนตัวของสาวการ์ตูน ว่าเจ้าตัวจะออกมาเปิดใจเรื่องราวทั้งหมดกับสื่อมวลชนพร้อมกันทุกสื่อ แต่สุดท้ายก็รอเก้อไปตามๆ กันแต่ล่าสุดจู่ๆ เจ้าตัวก็ดอดไปให้สัมภาษณ์กับสื่อยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งเพียงฉบับเดียว พร้อมเปิดเผยทุกเรื่องราวข่าวฉาวที่เกิดขึ้นชนิดหมดเปลือก โดยงานนี้สาวการ์ตูนได้ออกมาซัดกลับ “พิมพ์” เมีย “หนึ่ง” โกหกเรื่องที่หาว่า สาวการ์ตูนแย่งสามีไปแต่งงาน และย้ายเข้าไปอยู่บ้านกับหนึ่งทั้งที่ยังไม่เลิกกับเมีย ยืนยันฝ่ายชายเป็นคนบอกเองว่าเลิกกับเมียแล้ว จึงหันมาคบตน ซึ่งตนก็เชื่อเพราะไม่คิดว่าจะโดนหลอก และความสัมพันธ์ก็เป็นไปตามขั้นตอน ได้คบหาศึกษากันก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานทั้งนี้เจ้าตัวยังบอกอีกว่า หากรู้ว่ายังไม่เลิกกับเมียแล้วก็คงไม่ยุ่ง เพราะไม่ได้มีนิสัยชอบแย่งของใคร ยิ่งมาถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยยิ่งรู้สึกแย่ เคยเครียดถึงขั้นคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย เพราะรับไม่ไหวกับมรสุมชีวิตครั้งนี้ แต่ดีที่ผู้ใหญ่และคนรอบข้างให้โอกาส พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังได้ขอโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง และแอบหวังว่าสังคมจะให้โอกาสกับสิ่งผิดพลาดที่ผ่านมางานนี้สาวการ์ตูนยังถือโอกาสเคลียร์ข่าว ที่มีคนเห็นว่าเจ้าตัวควงหวานใจหนุ่มโดมไปแดนซ์กระจายที่เชียงใหม่ช่วงสงกรานต์ ที่ผ่านมา ทั้งที่เพิ่งเจอมรสุมข่าวโจมตีไปแหมบๆ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าไปจริง แต่ไม่ได้นัดกันไปอย่างที่เป็นข่าว เป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ต้องไปทำงาน ทำให้ได้ไปเจอกันเท่านั้นเอง

Tuesday, April 21, 2009

หญิงแม้นยันไม่ถูกรีไทร์

หญิงแม้นยันไม่ถูกรีไทร์ เผยเข็ดข่าวรักอลวน ปกติตกเป็นข่าวแต่เรื่องรักๆ ใครๆ กระทั่งล่าสุด หญิงแม้น ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล ไฮโซสาวที่พัวพันรักกับหนุ่มวงการบันเทิง ก็ตกเป็นข่าวเรื่องเรียนบ้าง โดยมีข่าวว่าถูกรีไทร์ ออกจากคณะอักษรศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ปี 1จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธพร้อมแจงว่า
ไม่ได้ถูกรีไทร์ ยังมีสถานะเป็นนิสิตของจุฬาฯอยู่ เพียงแต่ดร็อปไว้เท่านั้น เพราะว่าคะแนนไม่ค่อยจะดี ซึ่งปกติตัวเองก็จะเรียนไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ก็เลยต้องดร็อปเอาไว้ก่อน ไม่ได้ซีเรียส เพราะเป็นคนที่เรียนเร็วกว่าเพื่อนมาก คือแม้นจบ ม.4 ที่อังกฤษ จากนั้นก็กลับมาเรียนต่อที่มหิดลอินเตอร์ก่อน แต่เรียนไม่เท่าไหร่ ก็มาเรียนที่จุฬาฯ และแม้จะดร็อป ตอนนี้ก็ยังเรียนเร็วกว่าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันอีก 1 เทอม และตอนนี้อายุของแม้นก็แค่ 18 ปีเอง ตัวเองจึงไม่ซีเรียสเลย ที่บ้านก็ไม่ซีเรียสเช่นเดียวกัน
"เรื่องนี้แม้นเองก็ไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหน เพราะมันเป็นความลับของทางมหาวิทยาลัย และตัวแม้นเองก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากจะให้พูดถึงค่ะในเดือนสิงหาคมนี้ ก็จะกลับเข้าไปเรียนใหม่แล้ว ตั้งใจเรียนแล้วตอนนี้เพราะว่าที่ผ่านมาก็รู้ตัวว่าไม่ค่อยจะเอาใจใส่กับตัวเองเท่าไหร่ แต่ก่อนจะเรียน ก็คิดว่าในเดือน ก.ค.ก็จะไปนิวยอร์กก่อน" หญิงแม้นกล่าว
เมื่อถามถึงหนุ่มแท็ค ที่เคยรู้ใจ หญิงแม้นกล่าวว่า ก็คุยกัน เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกัน มีอะไรก็ยังคุยกันอยู่ แต่ความรู้สึกไม่ได้เป็นแบบแฟนแล้ว คุยในแบบเรื่องทั่วไป ไม่อยากจะตอบอะไรมากกับพี่แท็ค เพราะว่าพูดมากไปก็จะมีแต่ข่าว ไม่อยากจะมีข่าวแบบนี้อีก เข็ด

อั้ม-พัชราภา เล่นไม่ห่วงสวยใน แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา

อั้ม-พัชราภา เล่นไม่ห่วงสวยใน แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา ารับบทเป็นพี่เลี้ยงครั้งแรกในละครเรื่อง “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” ทำเอานางเอกเบอร์หนึ่งอย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ถึงกับบ่นเหนื่อย ซึ่งเจ้าตัวทุ่มทุนเล่นเต็มที่ชนิดไม่ห่วงสวย ในเรื่องนี้อั้มเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “อั้มถูกใจกับบทนี้นะ คาแรกเตอร์ของแจ๋ว ในเรื่องนี้เป็นบทที่สนุกเป็นตัว ของตัวเอง ได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ทุกอย่างทั้งเป็นไกด์และต้องเต้นระบำอินเดีย สนุกมากแรก ๆ ก็อายเหมือนกันนะกับการเต้นระบำอินเดีย เพราะต้องโชว์หน้าท้อง กลัวออกมาไม่ดี เลยต้องไปเรียนจริงจังอยู่หลายวันมาก” ดูแบบอั้มเล่นแบบไม่ห่วงสวยเลยนะ “ก็เราเป็นนักแสดงก็ต้องเล่นตามบท เพราะว่าในเรื่องแจ๋วเป็นคนที่เซอร์และก็โก๊ะ อั้มว่าสนุกดีนะ” แล้วเล่นกับ เป้-อารักษ์ เป็นไงบ้าง “กับเป้ร่วมงานกันก็ไม่มีปัญหา เป้เป็นคนตั้งใจทำงานมาก ขนาดเป็นเรื่องแรกของเขายังออกมาดี เพราะว่าเขามีทักษะและประสบการณ์จากภาพยนตร์ช่วยได้มาก เวลาส่งอารมณ์กันเล่นได้ง่ายขึ้น”.

Monday, April 20, 2009

เปิดใจ ชิน ชินวุฒิ

เปิดใจ ชิน ชินวุฒิ 8 ปีที่แล้ว...เด็กน้อยวัย 10 ขวบคนหนึ่ง ขยับเข้าใกล้ความฝันในการเป็นนักร้อง หลังมีโอกาสได้เข้าร่วมเป็นศิลปินฝึกหัดกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่างแกรมมี่ ใช้เวลาบ่มเพาะความสามารถอยู่ 4-5 ปี เขากับเพื่อนๆ รวม 10 ชีวิต จึงเริ่มเป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนในชื่อของ “จี จูเนียร์” แต่แล้วชะตาก็หักเห หลังผลงานที่ออกมาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ประกอบกับอยู่ในช่วงชีวิตของวัยรุ่นที่มักจะตัดสินเรื่องราวต่างๆ ด้วยอารมณ์ (ร้อน) และเพื่อนเป็นหลัก ทำให้เด็กหนุ่มวัย 15 เริ่มเกเร เป็นหัวโจก มีเรื่องราวชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน หนักสุดคือการก้าวร้าวด่าบุพการีของตนเอง อย่างไรก็ตาม ครั้นมีโอกาสได้เข้าสู่แวดวงดนตรีอีกครั้ง เสียงเพลงก็ฉุดให้เขาเริ่มมีสติ มีความมุ่งมั่น ชั่วระยะเวลาเพียงปีเดียวเขาคนนี้ก็กลับกลายเป็นคนละคน จากเด็กอกตัญญูกลายเป็นหนุ่มที่เต็มไปด้วยความกตัญญู, จากเด็กๆ ที่ไม่มีใครใส่ใจมากนัก กลายเป็นหนุ่มหล่อวัย 19 นักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ที่สาวๆ ต่างพากันคลั่งไคล้ “ชิน ชินวุฒิ อินทรคูสิน” คือหนุ่มน้อยคนนั้น “หลังจากจบอัลบั้ม Big 3 ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ เลยรู้สึกแย่นิดหน่อย ก็เลยใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ครับ เต็มเหนี่ยวเลย อยู่โรงเรียนชายล้วนด้วย ประมาณอายุ 15-16 น่ะครับ ก็ค่อนข้างเปรี้ยว ค่อนข้างที่จะเป็นหัวโจก รุนแรงนิดนึง มีเรื่องตีกันนี่ไม่ต้องพูดเลย สบายๆ ครับ ถ้าเกิดเพื่อนมีปัญหาอะไรอย่างเนี้ยเราก็วิ่งเข้าไปใส่ก่อนเลย ไม่กลัว (หัวเราะ) ก็ค่อนข้างหัวรุนแรงนิดหน่อย” “แต่พอได้กลับมาทำเพลง มันก็ฉุดเราออกจากวงจรชีวิตแบบนั้น แล้วรู้สึกว่าตัวเราเองก็ดีขึ้น แค่ปีเดียวครับ ภายในปีนั้นก็ค่อยๆ หายจากวงจรชีวิตเลวทรามตรงนั้นไป เพราะว่าการมาทำงานตรงนี้ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น และมารู้สำนึกว่าสิ่งที่ทำแม่ก็เสียใจ เราก็ไม่อยากให้แม่เสียใจอีกแล้ว ก็เลยเลิกจากตรงนั้นไป ก็กลับมาทำงาน ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก พร้อมกับเป็นสิ่งที่ดีด้วยนะครับ” ยอมรับช่วงเวลาที่ผ่านมาทำไม่ดีไว้เยอะ พร้อมบอกทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตนเองไม่เกี่ยวกับเพื่อน “ตอนนั้นชินไม่ค่อยฟังแม่ ถ้าทะเลาะกันทีก็ทะเลาะกันหนักเลย หนักมาก แต่ว่าไม่ได้หนีออกจากบ้านนะ คือ ด่ากันตรงนั้นเลย คือ ต่างคนก็ต่างไม่ไหว วัยรุ่นน่ะครับ แล้วตอนนั้นก็หัวรุนแรงด้วย ไม่เอาใคร ไม่สนใคร แต่ว่าก็สำนึกผิดแล้วก็รู้สึกว่าการทำแม่อย่างนั้นมันบาปมาก มันทำให้เรารู้สึกว่าจะทำไปทำไมวะ แม่เขาเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็กจนโต อยากให้สิ่งดีๆ กับเรา สิ่งที่แม่พูดมันคือสิ่งดีๆ ทั้งนั้น ทำไมเราไม่ฟัง ทำไมเราไม่เชื่อเขา” “ไม่ได้เป็นเพราะเพื่อน เป็นเพราะตัวเองครับ คนที่ไปโทษเพื่อนหรือสิ่งแวดล้อมรอบข้าง โอเคมันมีเอฟเฟค แต่มันอยู่ที่ใจเราที่มันจะแข็งพอที่มันจะห้ามได้รึเปล่า ถึงแม้รอบกายเราจะมียา เราต้องเล่นเหรอ มันไม่ได้เอามายัดปากเรา เอาปืนจ่อหน้าเรานี่ใช่มั้ย มันอยู่ที่เราเองที่เราจะไปเทคมัน มันอยู่ที่เราเองที่เราจะไปจับมันเอาเข้าปากเรา มันอยู่ที่จิตใจเราที่มันจะแข็งพอที่มันจะบอกว่าไม่รึเปล่า แค่นั้นแหละครับ ผมว่ามันอยู่ที่ตรงนั้นเลย” “ซึ่งช่วงนั้นผมก็คงไม่แข็งพอที่จะห้ามมันได้ แต่ว่าพอโตขึ้นมาแล้วก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น เริ่มมีความรับผิดชอบมากขึ้น มันก็เลยแบบพอล่ะ เราก็เลยหลุดจากตรงนั้นมา และก็จะไม่มีวันกลับไป มองกลับไปอีกทีรู้สึกตลกตัวเองว่า เฮ้ย ทั้งๆ ที่ไม่มีใครบังคับทำไมถึงทำวะอะไรอย่างเนี้ย มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาในชีวิตน่ะครับ” เผยสิ่งที่หนักหนาที่สุดในชีวิตคือเรื่องครอบครัว แต่ก็สะท้อนให้ทุกสิ่งกลายเป็นบทเรียนที่ล้ำค่า “เรื่องที่หนักสุดในชีวิต คือ การหย่าของพ่อแม่ผม คือ เขาก็อยู่ห่างกันมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไร แต่พอแม่เราบอกว่าหย่ากันนะ เราก็แบบ เอ๊ะ ทำไมวะ ด้วยความที่เป็นเด็กที่ค่อนข้างชัดเจน และค่อนข้างแรงด้วยน่ะครับ ก็คิดว่าทำไมวะ ทำไมต้องทำแบบนี้ ก็เลยไม่เอาเลย ช่วงนั้นไม่ฟังแม่ ไม่ฟังพ่อ” “พอมาหลังๆ แม่เขาก็เริ่มคุยกับเรา เริ่มมาบอกว่าถึงแม้พ่อแม่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ ถึงแม้จะหย่ากันแต่เราก็ยังรักกันเป็นเพื่อนสนิทนะ พอโตขึ้นมาเราก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น แล้วจริงๆ ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ ก็แค่อยู่กันคนละบ้าน ผมก็อยู่กับแม่กับน้อง พ่อแม่ชินก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน ได้เจอกันบ่อย” หลุดจากวงจรเสเพล สู่การเป็น “นักร้อง” อย่างที่หวัง กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับ “ชิน” เพราะเจ้าตัวเผยว่า เพราะความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ประกอบกับได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ทำให้มีได้อย่างทุกวันนี้ แม้บางทีอาจจะถูกมองว่าโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเพื่อนในกลุ่ม “จี จูเนียร์” คนอื่นๆ ก็ตาม “มันอยู่ที่โอกาสครับ แล้วก็ความชัดเจน เพราะว่าชินเป็นคนที่ปักหลักแนวไหนก็แนวนั้นเลยตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็พยายามฝึกฝนตัวเอง ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นใน จี จูเนียร์ ผมว่าผมได้โอกาสที่ดีและก็เวลาที่เหมาะสม แต่ว่าด้วยการที่ผมโชคดีและได้โอกาสนั้นมา ผมก็เลยไม่หยุดที่จะคว้ามัน ผมก็คว้ามันมาและผมก็ทำให้มันดีที่สุดของผม และก็เชื่อว่าทุกคนที่ได้โอกาสนี้ก็จะคว้ามันหมดแหละ” “แต่ไม่ใช่ว่าผมทิ้งเพื่อนนะ เพราะว่าถ้าดูงานของผมที่ผ่านมาตั้งแต่ชุดที่แล้วมาถึงชุดนี้ผมก็ได้ร่วมงานกับเพื่อนผมตลอด ก็มีพี่นัทและกายมาร่วมแจมในมิวสิก ในซีดีคาราโอเกะอะไรอย่างเนี้ย ผมก็ไม่เคยทิ้งเพื่อนและก็ทุกวันนี้ก็ยังคุยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน คือมันไม่ได้มีอะไร มันอยู่ที่การทำงานน่ะครับ ก็เหมือนกับทำงานกันคนละบริษัท แต่ว่าจริงๆ ก็บริษัทเดียวกัน หมายถึงว่าถ้ายกตัวอย่างก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่” ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับคำว่า “ซูเปอร์สตาร์” และจะได้มีโอกาส “โกอินเตอร์” ไปโด่งดังในต่างประเทศ สำหรับนักร้องหนุ่ม “ชิน” ได้รับโอกาสทั้งสองอย่างนั้น แต่เจ้าตัวไม่ขอเรียกตัวเองว่า “ซูเปอร์สตาร์” แต่เป็นแค่ “นักร้องธรรมดา” คนนึง ที่ตั้งใจทำฝันตัวเองให้เป็นจริง “ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ครับ ผมทำตรงนี้เพราะผมรัก ผมอยากเป็นนักร้อง ผมอยากทำงานตรงนี้ และผมตั้งใจกับสิ่งที่ผมทำทุกอย่าง คำว่าซูเปอร์สตาร์ยังไกลกับผมมาก โกอินเตอร์ก็เหมือนกัน ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสมากกว่า แค่ตอนนี้มีงานให้ทำ มีโอกาสที่ผมยังได้รับ ผมก็โอเคแล้ว” “คือ ชินได้ไปถ่ายซีรีย์ละครที่ประเทศมาเลเซีย หนักครับ มันหนักอยู่แล้ว เพราะว่าคุยกันคนละภาษา แต่ที่มาเลย์ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะคนมาเลย์เขาพูดภาษาอังกฤษเยอะ แต่ว่ามีที่ต้องไปถ่ายที่ไต้หวัน ตอนไปถ่ายเนี่ยทั้งกองไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษเลย คนที่พูดภาษาอังกฤษก็คือ คนที่มาจากแกรมมี่แล้วก็มาจากมาเลย์ มันเลยยาก” ตอนนี้นอกจากได้เล่นซีรีย์แล้ว ยังเป็นนักร้อง-นักแสดงต่างประเทศคนแรกที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของมาเลเซียด้วย...“จริงๆ แล้วชินเริ่มจากไปร้องเพลงประกอบโฆษณาให้เขาครับ และตอนนี้ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ไปแล้ว เป็นกล้องยี่ห้อนึงครับ ซึ่งที่ได้ไปเล่นซีรีย์ก็เพราะโฆษณาตัวนี้แหละครับ ร่วมกับค่ายเพลงที่เราทำเป็นสปอนเซอร์ให้แล้วเขาก็ให้ชินเป็นพระเอก เพราะเราเคยไปถ่ายเอ็มวีให้เขาแล้วครั้งนึง แล้วเขาก็ชอบ ก็คิดโปรเจ็กต์เป็นละครขึ้นมา ซึ่งก็เป็นนางเอกคนเดิม ก็เลยทำต่อ” “พอเสร็จเราก็ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อของมาเลเซีย เป็นศิลปินต่างประเทศคนแรกที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์บ้านเขาด้วย รู้สึกดีใจครับ รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เขาเลือกเรา เพราะว่าก่อนหน้านี้เป็นศิลปินที่ค่อนข้างดังเลยในมาเลเซีย ของผมก็เข้าไปต่อยอด เราก็ทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ครับ” ตอนนี้ดังไกลไปถึงประเทศจีน มีแฟนคลับชาวจีนทำเว็บไซต์ส่วนตัวให้ แถมฟีดแบ็กจากแฟนคลับยังล้นหลามจนน่าตกใจ “ฟีดแบ็กดีครับ ดีเกินที่ผมคิดไว้ เราก็เป็นศิลปินต่างประเทศด้วย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคนจะรู้จักเราหรือว่าชื่นชมเราอะไรขนาดนั้น แต่ก็พอแข่งกับศิลปินบ้านเขาได้เลย เขาก็ร้องเพลงตามเราได้ เดินผ่านคนก็เรียก “ชิน” เราก็ เฮ้ย ก็งงนะ ตกใจ เพราะไม่ได้คิดว่าเราจะมีแฟนๆ มีคนรู้จักขนาดนั้น มีกรี๊ด มียกป้ายด้วย (หัวเราะ) ก็ดีใจครับ” “ตอนนี้ก็มีเป็นเว็บไซต์ในประเทศจีนด้วย เป็นแบบแฟนชาวจีนทำให้ ไม่ว่าจะเป็นมาเลย์ ไต้หวัน ก็มี 700 เมมเบอร์ ก็โอเคนะครับ ก็รู้สึกว่าโห 700 เมมเบอร์ต่างประเทศสำหรับเรา เราก็รู้สึกว่ามันเยอะแล้วนะ เพราะว่าเราก็เป็นศิลปินไทย ไม่ใช่ศิลปินอเมริกาที่แบบว่าเพลงมันโกลบอลซะขนาดนั้น เพลงเราส่วนมากก็ขายในประเทศไทย อย่างชินก็โชคดีที่ได้ไปร่วมงานที่มาเลด้วย ก็เริ่มมีแฟนคลับมากขึ้น” แม้เจ้าตัวไม่เคยเพ้อฝันว่าจะมาไกลถึงจุดนี้ แต่ก็คิดว่าสักวันนึงความพยายาม ความตั้งใจและโอกาสจะสามารถพาตนไปถึงจุดทยานขึ้นได้ “เคยคิดครับ แต่ว่าก็ไม่ได้เพ้อฝันในความคิดอันนั้นว่าเราจะมาถึงจุดนี้รึเปล่า เพราะว่าก็ทำให้ดีที่สุดของผมน่ะ เพราะว่ามันก็มาเองครับ โอกาสมันก็มาเรื่อยๆ เราก็คว้ามันเรื่อยๆ โชคดีที่ทางแกรมมี่เขาไว้วางใจในตัวชินด้วย ให้ชินได้ทำหลายๆ อย่าง แล้วก็ให้ชินได้ดูแลโปรเจกต์ของตัวเองด้วย เหมือนกับว่าเขาให้โอกาสเรา เขาไม่ได้เป็นแค่ป๋าดันให้เราน่ะ เขาให้โอกาสเราทำงานของเราเองด้วยครับ” ยอมเปิดใจว่า มีคนครองหัวใจทั้ง 4 ห้องไว้เรียบร้อย แม้จะไม่ได้คาดหวังอะไรกับรักครั้งนี้มากนัก เพราะผ่านความผิดหวังมาเยอะ แต่สำหรับสาวคนนี้เจ้าตัวพร้อมจะทุ่มสุดๆ “ครับ ก็ดีนะ คุยกันมาปีกว่าแล้ว ก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นแฟน เขาก็มีความสุขที่อยู่กับเรา เราก็มีความสุขที่อยู่กับเขา ผมว่าแค่นี้มันก็สำคัญพอแล้ว เพราะว่า 19 เองครับ ไม่ได้คิดถึงว่าจะแต่งงานกับใครหรือจะมีลูกอยู่แล้ว ก็ช่วยกันแบ่งเบาภาระ แล้วก็ช่วยเป็นกำลังใจให้กันและกันก็โอเคครับ” “เจอกันงานเต้นงานนึงครับ เขาเรียนเต้นแล้วก็ไปเจอ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คุย ไปเจออีกทีในไฮไฟว์ ก็เริ่มคุยกัน เริ่มรู้สึกดี ก็คุยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนนั้น แต่เรื่องเวลายอมรับว่ามีให้เขาน้อยครับ แต่อย่างที่ผมบอกว่าอย่างน้อยเขาก็ยังเข้าใจเรา เป็นกำลังใจให้เรา ก็ดีตรงนี้ ผมไม่ต้องการคนง้องแง้ง พอเหอะ แค่นี้ผมก็แบกรับภาระ ชีวิตผมจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังมาเจออะไรอย่างนั้นอีกคงไม่ไหว แต่โชคดีที่เขาเข้าใจเรา ก็ดีครับ”

สุดเศร้า หนุ่ม กรรชัย ต้องนอนห้องคนขับรถ

สุดเศร้า หนุ่ม กรรชัย ต้องนอนห้องคนขับรถ ระบุตั้งแต่แม่ตายต้องเข้าไป อยู่กับครอบครัวแม่เลี้ยง ต้องนอนกับคนขับรถ ซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ เผยที่ต้องฟ้องศาลเพราะพบว่าทรัพย์สินถูกเปลี่ยนมือ พระพ่อถูกประกาศขายหลังจากวันนี้ (20 เม.ย.) ศาลแพ่งธนบุรี นัดพร้อมในคดีที่หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอดถอน นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย และนายอัคระ กำเนิดพลอย แม่เลี้ยง และบุตรต่างมารดา จากตำแหน่งผู้มีอำนาจจัดการมรดกของนายประกอบ กำเนิดพลอย บิดา ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อปี 2547 ทิ้งกองมรดกที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมมูลค่ากว่า100 ล้านบาทไว้เบื้องหลัง โดยศาลให้คู่ความเจรจานอกรอบก่อน แต่ไม่สำเร็จ ศาลจึงเปิดห้องไกล่เกลี่ยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงแต่ยังตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงนัดคู่ความมาศาล เพื่อตรวจดูบัญชีทรัพย์สินอีกครั้ง ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในศาล หนุ่ม-กรรชัย มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่หันไปมองหน้าลูกๆ อีกฝ่ายแม้แต่น้อย ขณะที่ฝั่งคู่กรณีให้สัมภาษณ์สื่อว่าที่ผ่านมา หนุ่ม-กรรชัย ได้ขอเงินและทรัพย์สินที่บ้านไปบ่อยมาก และไม่เข้าใจเหตุใดจึงต้องฟ้องร้องให้เป็นคดีความนั้นล่าสุด หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย เปิดเผยว่า ได้ติดตามข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายเชษฐา และ น.ส.อุบลวลี กำเนิดพลอย ผ่านทางเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์แล้ว รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แม้ว่าทรัพย์สมบัติที่ได้มาของนายประกอบผู้เป็นพ่อ ได้มาจากมรดกของคุณปู่ที่ตามเสด็จฯ กรมหลวงลพบุรีรามเทพ และพระองค์เจ้าหญิงเฉลิมฑิคัมพร แต่เรื่องที่ว่านายเชษฐา ให้สัมภาษณ์ว่าก่อนเกิดเรื่องนั้นตนไปมาหาสู่ที่เชียงใหม่บ่อยๆ นั้น อยากชี้แจงว่าไม่เคยมีบ้านที่เชียงใหม่ แม้กระทั่งเมื่อครั้งที่ตนบวช นางสุภาพรรณ ยมจินดา พี่สาวของมารดาตน เป็นผู้บวชให้ จัดงานอย่างเงียบๆไม่ได้เชิญใคร แต่เจ้าอาวาสวัดไทรม้าใต้ รู้จักกับญาติของนางวิมลรัตน์ จึงบอกข่าวงานบวชให้นางวิมลรัตน์ ทราบและมาร่วมงานด้วยนักแสดงและพิธีกรชื่อดัง กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่ว่าตนไปขอเงินเพื่อซื้อรถฮอนด้านั้น อยากให้เอาหลักฐานมาแสดง เนื่องจากรถคันดังกล่าวเป็นของบริษัท ไอ ดู ไอซ์ เจ้าของกิจการร้าน ไอซ์ มอนสเตอร์นำมาให้ใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง มีหลักฐานการซื้อชัดเจน ไม่ใช่เงินมาจากนางวิมลรัตน์ตามที่นายเชษฐากล่าวแต่อย่างใดส่วนที่นายเชษฐา กล่าวหาว่าไปขอพระเครื่องรวมทั้งรูปหล่อฤาษีมูลค่ากว่า 8 ล้านบาทนั้น หนุ่ม-กรรชัย กล่าวว่า ฝ่ายของนางวิมลรัตน์ เสนอให้นำไปจำหน่าย แต่เมื่อนำของดังกล่าวมาแล้ว ตนรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะนำทรัพย์สินของบิดาไปขาย จึงเก็บรักษาไว้ และได้เคยนำไปแถลงต่อศาลแล้ว หากตนอยากได้เงินจริง คงไม่เก็บไว้ ตลอดเวลาเห็นว่ารูปหล่อพระฤาษีเป็นสมบัติของกองกลางที่ญาติทุกคนสามารถจับ ต้องได้ ไม่ควรนำไปจำหน่าย และเมื่อมีการจัดการมรดกอย่างชัดเจนแล้ว จะนำมาเป็นทรัพย์กองกลาง เคยบอกให้คู่กรณีทราบแล้วสำหรับที่อ้างว่าได้รับเช็คเงิน 2 แสนบาทนั้น หนุ่ม-กรรชัย กล่าวว่า ยินดีให้ตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเล่มว่ามีเลขตรงกับต้นขั้วเช็คที่คู่กรณีอ้าง หรือไม่ ขอยืนยันว่านับตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไป ไม่เคยไปขอเงินหรือทรัพย์สมบัติใดๆ ที่ผ่านมาเพียงแค่ทวงถามกับนางวิมลรัตน์และครอบครัว ว่าทำไมไม่จัดทำบัญชีทรัพย์สินของคุณพ่อหรือจัดแบ่งให้แก่ทุกคนตามที่สมควร จะได้รับ ไม่เคยไปขอของหรือเงินแต่อย่างใด ตนมีอาชีพเป็นพิธีกรสามารถหารายได้ด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีมรดกของมารดาหนุ่ม-กรรชัย กล่าวต่อไปว่า การให้ข่าวเช่นนี้ต้องการจะดิสเครดิตหรืออย่างไร ขอบอกว่าไม่มีประโยชน์ ทุกคนโตๆ กันแล้ว อย่าทำเป็นเด็กเล่นขายของ ขอให้เอาหลักฐานมาพิสูจน์ในศาลจะดีกว่า ตนยินดีจะไกล่เกลี่ย เพราะคือเจตนารมณ์ตั้งแต่แรก ตั้งแต่คุณพ่อเสีย ได้ถามถึงเรื่องนี้มาตลอด แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม จนมาทราบว่าทรัพย์สินมีการโอน เปลี่ยนชื่อให้แก่บุคคลอื่น เห็นพระของคุณพ่อลงโฆษณาขายในหนังสือพระ ทำให้ต้องนำเรื่องมาฟ้องศาล''การให้สัมภาษณ์ของนายเชษฐาและ น.ส.อุบลวลีทำให้รู้สึกโกรธมาก เพราะไม่เป็นความจริง ทำให้ผมเสียหาย ขณะนี้ปรึกษากับทนายความว่าควรจะฟ้องหรือไม่ และที่ฝ่ายนั้นบอกว่ารักใคร่ไปมาหาสู่กันดีนั้น ขอบอกว่าตั้งแต่แม่ผมเสียไป ผมต้องเข้าไปอยู่กับครอบครัวของคุณพ่อ เพราะคุณพ่ออยากให้ไปอยู่ใกล้ๆ แต่ผมต้องนอนกับคนขับรถ ซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ อย่างนี้เขารักผมใช่มั้ย'' หนุ่ม-กรรชัย กล่าวด้วยความอัดอั้นในท้ายสุด

ลือแตกคอ วิน แฉ ชัญญ่า

ลือแตกคอ วิน แฉ ชัญญ่า สงสัยต้องกลายเป็นข่าวใหญ่กันอีกรอบ!! สำหรับสาวไฮโซที่เคยมีกรณีกับ ฟลุค เกริกพล อย่าง สาวชัญญ่า ทามาดะ ที่ก่อนหน้านี้มีภาพหลุดออกมาว่า ทั้งคู่ไปนั่งที่ร้านหมูกะทะที่ร้านหนึ่งจนกลายเป็นข่าวดังมาแล้วช่วงหนึ่ง พร้อมกับการปฏิเสธทางด้านของหนุ่มฟลุค ที่ยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรเหมือนข่าวที่ออกมา พร้อมกับบอกอีกด้วยว่า สาวชัญญ่าหวังเกาะกระแสดังเท่านั้น!! ซึ่งในตอนนั้นหนุ่มเพื่อนสนิทตัวจริงของสาวชัญญา อย่าง หนุ่มไรวินทร์ ก็ออกมาช่วยโต้ข้อครหาที่เกิดขึ้น จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเรื่องทั้งหมดใครกันแน่ที่จัดฉาก.....

ล่าสุดเหมือนว่าหนุ่มวินจะแตกคอกับสาวชัญญาแล้วหรือยังไงไม่ทราบ!?เมื่ออยู่ดี ๆ ก็มีข่าววงในจากคนสนิทของหนุ่มวินออกมาแฉว่า หนุ่มวินชักจะทนไม่ไหวหรือมีเหตุที่ทะเลาะอะไรกันไม่ทราบ ออกมาพูดเปิดดอกกับคนสนิทว่า เรื่องราวของสาวชัญญ่าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นการจัดฉากของสาวชัญญ่าทั้งหมด เพื่อหวังดันตัวเองเข้าสู่วงการบันเทิงเหมือนกับข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ไปกินหมูกะทะกับหนุ่มฟลุคก็มีการให้คนไปถ่ายภาพเอง และสาวชัญญ่าก็ไม่ได้เป็นไฮโซอย่างที่ล่าวอ้างด้วย แต่อัพตัวเองให้ดูไฮโซเท่านั้น...
ซึ่งจากข่าวที่เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวได้ยายามติดต่อสาวชัญญ่ากันยกใหญ่
โดยเจ้าตัวกล่าวสั้น ๆ ว่า ขออยู่เงียบ ๆ ก่อนดีกว่า ไม่อยากจะพูดอะไรมากมายในตอนนี้ ซึ่งเมื่อสาวชัญญ่าได้ยินข่าวที่ทางผู้สื่อข่าวสอบถามไปก็ออกอาการอึ้งเล็กน้อย สาวชัญญ่าบอกว่า...ที่จริงหนูก็อยู่เงียบ ๆ มานานแล้วนะ มีงานติดต่อเข้ามาเยอะเหมือนกันแต่หนูก็ปฏิเสธ หนูคิดว่าหนูคงไม่เอาแล้ว ไม่อยากพูดอะไรด้วย จบดีกวาค่ะ...
แล้วความสัมพันธ์กับวินล่ะ....ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง!?เอออ.....ก็ยังคุยกันอยู่ค่ะ เอาเป็นว่าหนูไม่อยากพูดอะไรแล้วกัน ขอพูดทีเดียวเลยแล้วกันค่ะ!!
งานนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวที่ออกมาล่าสุดนี้จะจริงเท็จแค่ไหน....น่าหนักใจเหมือนกันนะค่ะเนี่ย...เพราะข่าวก็แร๊งงงงใช่เล่น~!!

อู-ภาณุ บวช ดาราร่วมงาน

อู-ภาณุ บวช ดาราร่วมงาน พ่อแม่น้ำตาซึม เจ้าตัวปลื้มดวงเฮงงานละครชน 2 เรื่องควบ ดาราแห่ร่วมงาน "วัดใหม่พัฒนา"แทบแตก"อู-ภาณุ สุวรรณโณ อายุ 32ปี"พระเอกหนุ่มจากช่อง 7สี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดพัฒนาราม อ.เมือง จ. สุราษฎร์ธานี เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความปลื้มปีติของครอบครัวสุวรรณโณ นำโดย คุณพ่อสำรวย และคุณแม่อาภรณ์ สุวรรณโณ พร้อมเพื่อนพ้องในวงการบันเทิง อาทิ ยุ้ย-จีระนันท์ มะโนแจ่ม มาเป็นคู่บัดดี้กับ ธันญ์ ธนากร และเมี่ยง-อติมา ธนเสนีย์วัฒน์, ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ควงคู่มากับเอมี่ กลิ่นประทุม และโด่ง- AF 3 ศิระ รัตนโภคาสถิต พร้อมผู้จัดการส่วนตัวนำ ชาย-พงศ์พยุตม์ ศิริวงศา และจุ๊บ-อิทธิกร สาธุธรรม พร้อมเพื่อนๆ นักแสดงจากละคร "พยัคฆ์ยี่เก" และเหล่าบรรดาแฟนคลับที่มาร่วมอนุโมทนาบุญกันอย่างแน่นขนัด

โดยวันนี้ (18 เม.ย.) เวลาประมาณ 06.00 น. "อู" ภาณุ สุวรรณโณ พระเอกหนุ่มจากละครรักข้ามรั้ว และแจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา ทางช่อง 7 สี ได้ปลงผม เพื่อห่มขาวเป็นนาค ก่อนจะได้ฤกษ์ดี 07.00 น. เข้าพิธีอุปสมบท โดยพ่อแม่มาร่วมพิธี และการบวชนาคในครั้งนี้ ได้พระอาจารย์ พระศรีปริยติยาภรณ์ วรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์

และการบวชในครั้งนี้พระเอกหนุ่มได้รับฉายา "อภินันโธ" ซึ่งแปลว่า ผู้ทำให้ผู้อื่นเพลิดเพลิน ทั้งนี้ หนุ่มอู ได้เปิดใจว่า"อยากบวชมานานแล้ว แต่ด้วยงานที่เข้ามาตลอดทำให้ต้องเลื่อนมาเรื่อยๆ ซึ่งมาปีนี้ตั้งใจมากๆ ที่จะบวชให้พ่อกับแม่ และมาลงตัววันนี้ ซึ่งการบวชในครั้งนี้ตั้งใจว่าจะบวชเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนที่ตัดสินใจมาบวชที่สุราษฎร์ เพราะเป็นบ้านเกิดของผม เรื่องงานตอนนี้ก็มีละครออนแอร์ให้ได้ดูกันถึง 2 เรื่อง"

สำหรับพระเอกคนดังตบเท้าเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยภาพยนตร์เรื่องแรก "14 ตุลาคาสงครามประชาชน"ก่อนจะสู่จอเงินในบท "ลุงช้าง"ประกบคู่กับชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต ในละคร "แก้วตาหวานใจ" ก่อนจะผูกขาดเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดวิก 7 สี ส่วนผลงานละครเรื่องล่าสุดคือละคร แจ๋วใจร้าย และคุณชายเทวดา ของค่ายโพลีพลัส รับบทร้ายเรียกเรตติ้งอยู่ทางหน้าจอทีวี และละครรักข้ามรั้วของค่ายโชอิง ที่กำลังจะออกอากาศปลายเดือนนี้

Saturday, April 18, 2009

ต่าย-ณัฐพล กับ ศรีริต้า เที่ยวเกาะเสม็ด

ต่าย-ณัฐพล กับ ศรีริต้า เที่ยวเกาะเสม็ด ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่ เห็นมีข่าวว่าจูบกันในลิฟต์บ้าง เดี๋ยวไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน ซึ่งครั้งนั้นก็อ้างเหตุ บังเอิญ ล่าสุดนี่คนเห็น ต่าย-ณัฐพล ลียะวณิช กับ ศรีริต้า เจนเซ่น ไปเที่ยวเกาะเสม็ดเสร็จทุกรายอีกแล้ว แถมยังจูบกันนัวเนียอีกแน่ะ! เอ๊ะ หรือจะบอกว่าบังเอิญอีก เมื่อเจอ ต่าย ในงานเปิดตัวศูนย์แฟชั่นค้าส่ง “เมโทรแฟชั่น” เลยขอคำตอบเลยดีกว่า “ไม่มีครับ เพราะผมแวะไปแค่เช้าเย็นกลับครับ แวะไปแจม เพราะว่าเพื่อนเค้าผมก็รู้จัก แล้วบังเอิญผมไปทำงานพัทยา” เหมือนเดินหน้าจีบ? “ไม่ใช่ครับ เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้จีบอะไร เหมือนรู้สึกดีก็คุยกันครับ” รู้สึกยังไงมีข่าวจูบออกมาแล้วรอบนึง ตอนนี้ก็มีอีก? “รู้สึกแย่ครับ ผมไม่อยากให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ เพราะเหมือนยิ่งคุยน้องเค้าก็ยิ่งเสีย ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวผมคนเดียวก็ให้สัมภาษณ์ได้” ห่วงภาพพจน์น้องเหรอ? “ใช่ครับ ผมพะวงมาก สำหรับริต้าภาพเค้าดีมาตลอด เค้าเรียบร้อย จริงๆเค้าเป็นฝรั่ง แต่นิสัยเค้าเป็นคนไทยมากครับ ขนาดฉากเลิฟซีน เค้าก็จะขอ ผกก. ตลอดว่าไม่เล่นได้มั้ย แล้วผมรู้สึกเหมือนผมไปทำให้เค้ามีเรื่องไม่ดี” ริต้าพูดถึงข่าวที่เกิดขึ้นมั้ย? “เค้าคงไม่กล้าพูดหรอกครับ เค้าก็ต้องพูดไม่เป็นไร แต่จริงๆตัวผมรู้ว่าต้องเครียดอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ผมไม่อยากให้ทุกคนมองภาพเค้าไปในแนวนั้น ในเรื่องความห้าว ความกล้า ความซ่าเป็นแบบฝรั่ง เรื่องฉันชู้สาว เค้าค่อนข้างเป็นคนไทยมาก” แสดงว่าไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง? “ก็มีบ้าง แต่เรื่องนี้ผมไม่ขอพูดดีกว่า ขอร้องไม่มีอะไรเป็นเพื่อนกัน ณ ตอนนี้”.

Thursday, April 16, 2009

ลือ!! "อั้ม-เอ" แตกคอ

ลือ!! "อั้ม-เอ" แตกคอ เหตุนางเอกสุดเซ็กซี่ อั้ม-พัชราภา ไม่พอใจผู้จัดการส่วนตัว เอ-ศุภชัย ที่ปล่อยภาพควงเด็กในสังกัด หมาก-ปริญ ช็อปปิ้งจนถูกลือเป็นกิ๊กใหม่ เจ้าตัวออกโรงโต้ยันเป็นภาพพีอาร์ของเครื่องสำอางยี่ห้อดัง รับนางเอกสาวงอนและงง แต่เปล่าปรี๊ดแตกถึงขั้นปลดออกตำแหน่งผจก. เฉไฉสัมพันธ์ยังดีอ้างไม่มีเรื่องให้ต้องคุยกัน มีกระแสข่าวเป็นต้นตอปล่อยภาพนางเอกสุดเซ็กซี่ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ควงพระเอกหน้าใหม่ หมาก-ปริญ สุภารัตน์ เดินช็อปปิ้ง เพื่อจะดันเด็กในสังกัดตัวเองให้โด่งดังเป็นที่รู้จัก จากนั้นยังมีข่าวเม้าท์ตามมาอีกระลอกว่า อั้มเกิดอาการควันออกหูโกรธผู้จัดการส่วนตัว เอ-ศุภชัย ที่เป็นคนปล่อยภาพดังกล่าว ถึงขั้นจะปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการกันเลยทีเดียว เพื่อเป็นการเคลียร์เรื่องดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามเอว่า เป็นต้นตอปล่อยภาพดังกล่าวจริงหรือไม่ เจ้าตัวรีบปฏิเสธ "ไม่จริง มันเป็นภาพเบื้องหลังถ่ายโฆษณามิสทีน พอดีวันนั้นอั้มไปอัดเสียงที่สตูดิโอในทาวน์อินทาวน์ แล้วน้องหมากกับน้องอั้มเป็นพรีเซนเตอร์มิสทีนคู่กัน พออัดเสียงเสร็จเขาก็ไปซื้อของที่ร้านอั้มต่อ ทางพี่ที่มิสทีนขอให้น้องอั้มกับน้องหมากช่วยกันเลือกของให้เซลล์ที่ทำยอดถึงเป้า จากนั้นเขาก็เอากล้องมาถ่ายรูปไว้เพื่อเป็นการยืนยันว่า ของเนี่ยมาจากการเลือกของอั้มกับน้องหมากจริงๆ และเป็นของที่ซื้อมาจากร้านน้องอั้ม ก็เป็นรูปประชาสัมพันธ์ทั่วไปไม่มีอะไร อั้มก็เข้าใจว่าเป็นภาพโฆษณา" "ตัวน้องหมากเนี่ยดังอยู่แล้ว เขาเป็นพระเอกช่อง 3 อยู่ตอนนี้ และมีละคร 2 เรื่อง มีหนังอีก 1 เรื่อง เอว่าถ้ามีข่าวแบบนี้ต่อไปคงไม่มีใครกล้าเดินกับใคร เพราะมันไม่มีอะไรเลย (เสียใจมั้ยถูกมองว่าเป็นคนจัดฉากและปล่อยภาพเพื่อดันเด็กตัวเอง?) เดี๋ยวนี้ชินแล้ว (หัวเราะ) (ถามจริงๆ ว่าอั้มโกรธมั้ย?) ก็ตามประสาคุณนายนั่นแหละ ตอนแรกอารมณ์เขาก็ไม่เข้าใจ งงๆ เราก็เข้าใจว่าเขามีสิทธิ์งงได้ เพราะตัวเราก็งง พอตอนหลังอธิบายแล้วก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างจะผ่านคุณแม่อั้มหมด เพราะอั้มกับเอมีงานเยอะมาก เอก็จะคุยกับแม่มากกว่า เอก็ฟ้องๆๆๆ แม่ อั้มก็ฟ้องแม่ คือเอกับอั้มเป็นเพื่อนกันมาก่อน เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง แต่เอก็รักอั้ม" เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คุยกันผ่านแม่อั้ม แสดงว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังคงงอนกันอยู่ ผู้จัดการดาราชื่อดังเผยต่อว่า "อั้มน่ะงอนเอ แต่เอไม่ได้งอนอั้ม มีสิทธิ์อะไรไปงอนล่ะ แต่มันเป็นเรื่องปกติของเราสองคน เราสองคนรักกันแต่จะชอบแหย่กันให้โกรธ นี่ดีนะที่ทะเลาะกันเรื่องทั่วไป เมื่อก่อนจะตีกันเรื่องผู้ชาย (หัวเราะ) เหมือนเพื่อนงอนกันแต่อาจจะเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ได้งอนกันถึงขนาดปลดออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัว ก็ขอยืนยันว่าเราไม่ได้โกรธเคืองกัน เพราะเราอยู่กันมา 10 ปีแล้ว เราไม่มีอะไรกันอยู่แล้ว เอกับอั้มจะเป็นพี่น้องกันมาตลอด เราก็ยังทำงานกันเหมือนเดิมปกติ เพียงแต่เวลาคุยจะคุยผ่านคนอื่น" "แม่อั้มไม่ได้เป็นตัวกลางเคลียร์ให้ เพราะถ้าแม่เคลียร์ให้จะไม่สำเร็จ ต้องให้แม่ไม่เคลียร์ เออ...มรึงตีกันเลย (หัวเราะ) ถ้ามีตัวเชื่อมเราจะรู้สึกว่ากูไม่ต้องคุยก็ได้ ตอนนี้ถ้าอั้มกับเอจะคุยกัน ก็จะผ่านคุณแม่อั้ม และคนดูแลอั้มอีกคน แต่อย่าเรียกว่าโกรธกันเลย เพียงแต่ไม่มีเรื่องให้ต้องคุยกันมากกว่า เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องงาน บางทีเอโทรไปเพื่อจะคุยกับคุณนาย เขาก็จะบอกว่าเดี๋ยวก่อนฉันขอปิดกล้องละครก่อน เอเลยให้ผู้ช่วยโทรไปง่ายกว่า เราไม่ต้องทำงานเอง"

แม่ การ์ตูน ร่ำไห้ขอความเห็นใจ

แม่ การ์ตูน ร่ำไห้ขอความเห็นใจ ตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อมีการ์ดแต่งงานออกมาประจาน เบื้องหลัง เล่นเอาเหวอไปตามๆ กันสำหรับ "การ์ตูน" อินทิรา เกตุวรสุนทร นักแสดงสาววัยสดใส ซึ่งเรียกว่าตอนนี้ชีวิตในเส้นทางบันเทิงของเธอนั้นกำลังไปได้สวยเลยทีเดียวเชียวแหละ ..ทั้งเรื่องหัวใจตอนนี้ก็กำลังศึกษาดูอกดูใจ กับหนุ่มหล่อขั้นเทพ อย่าง"โดม ปกรณ์ ลัม " จนมีข่าวเรื่องอดีตตุๆ ของสาวเจ้าให้ได้ยินกัน..อยู่เนื่องๆ ว่าได้ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ในวัยเพียงสิบหก สิบเจ็ด และก่อนหน้านี้สาวการ์ตูนก็ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เค๊ย ไม่เคย ผ่านการแต่งงานมาแต่อย่างใด แต่เมื่อจำนนต่อหลักฐานก็ออกมายอมรับหน้าตาเฉย.. ซึ่งเจ้าตัวกลับโบ้ยว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ตนต้องทำตาม ล่าสุดก็มีกระแสข่าวหนาหูตามมาติดๆ ว่าเบื้องหลังนั้น ความร้ายกาญ นั้นยิ่งกว่าในละคร เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันหลังจากการ์ดดังกล่าวออกมาปรากฏ เจ้าตัวก็ถูกแฉว่า กว่าจะมีวันนี้ได้นั้น สาวตูนนั้น ผ่านเรื่องฉาวๆ มาไม่รู้เท่าไร ทั้งแย่งสามีชาวบ้านมาเป็นของตัวเอง หรือจะเป็นได้ดีแล้วตีจากฝ่ายชาย ซึ่งเจ้าตัวก็รอแถลงข่าวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ล่าสุดคุณแม่สาวการ์ตูน(นางสำรอง เข็มพันธุ์ )ถึงกับร่ำไห้ถึงเรื่องราวในอดีตพร้อมกับ..ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนที่ทำให้ลูกสาวต้องเจอมรสุมในวันนี้ " คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น แม่เองเสียใจที่ตัดสินใจทำอะไรลงไปในวันนั้น(สะอื้น)"

ตูนทำเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด เค้ากตัญญู อะไรที่ทำให้แม่สบายใจเค้ายอมทำได้ทุกอย่าง เรื่องทุกอย่างที่ผ่านมามันจบไปแล้ว ตอนนี้แม่สงสารเค้ามาก เค้าทำทุกอย่างได้เพื่อแม่เพื่อป้า เรามีความจำเป็นทางบ้าน แล้วมาลงที่เค้า พอมาถึงวันนี้เค้าก็ต้องแบกรับมันไว้คนเดียว (น้ำตาไหลพราก) แม่อยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นยุติลง แม่อยากขอโทษ ที่แม่ทำเช่นนั้นลงไป แม่รู้สึกเสียใจที่ทำให้เขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ อดีตมันไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว แม่พูดตรงๆนะ ตูนเจอแต่เรื่องร้ายๆ มาโดยตลอด เค้าเจอแต่แรงบีบคั้นซึ่งครั้งนี้ความผิด มันอยู่ที่แม่ แม่เองที่ทำให้เกิดปัญหา แม่อยากให้จบสักที อยากให้เห็นใจเค้า เพราะที่ผ่านมากได้ขุดขุ้ยอดีตกันมาและได้ทำร้ายเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้วก็อย่าไปทำร้ายเขาไปมากกว่านี้เลย ตอนนี้ตูนกะเค้าก็จบกันไปนานแล้ว ห้าหกปีแล้ว อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วแม่อยากให้มันผ่านไป แม่อยากให้เห็นใจเค้า แม่ขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคน ทุกกำลังใจ ที่มีให้ตูน แต่ถ้าหากเรื่องดังกล่าวนั้นทำให้ทุกคนต้องผิดหวังแม่ขอโทษ จะว่าแม่หรืออะไรแม่ไม่ว่า ขอร้องล่ะอย่าทำร้ายการ์ตูนมากไปกว่านี้เลย" แม่สาวการ์ตูนระบายความอัดอั้นทั้งน้ำตา

Wednesday, April 15, 2009

สา เลิก ต้าร์ ไม่มีแม้คำว่า เพื่อน

สา เลิก ต้าร์ ไม่มีแม้คำว่า เพื่อน นางแบบสาว มาริสา แอนนิต้า นั่งยันนอนยัน! ไม่มีวันรีเทิร์นอดีตแฟนหนุ่ม ต้าร์ บาร์บี้ แน่นอน! ยอมรับหมดความอดทนในการแก้ปัญหาเรื่องส่วนตัว ปัด! ไม่มีมือที่สามหรือเพราะฝ่ายชายเจ้าชู้+สำมะเรเทเมาอย่างที่เป็นข่าว พร้อมเผยอดีตแฟนหนุ่มตามตื้อขอคืนดีมาตลอด ฟุ้ง! ขอเวลาอีกสักพักเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ในฐานะ เพื่อน!!!
หลังมีข่าวว่าอดีตแฟนหนุ่ม "ต้าร์ บาร์บี้" ขอกลับมาคืนดี ผู้สื่อข่าวเลยขออัพเดทความรักว่าเป็นอย่างไรบ้าง นางแบบสาวก้านยาวทำหน้ายียวนก่อนเปรยว่า
"ถามทำไมเนี่ย ความรักของสาตอนนี้ก็จบลงแล้วค่ะ ปิดประตูแล้วค่ะ ถาวรค่ะ แล้วก็ทิ้งกุญแจไปแล้วค่ะ (จะให้โอกาสเขาอีกมั้ย?) สาว่าปัญหาบางอย่างมันใช้มากกว่าเวลาค่ะ มันต้องใช้การเรียนรู้ มันต้องใช้ความเข้าใจ มันต้องใช้ความอดทน (ใครไม่มีความอดทน?) สาไม่มีความอดทนค่ะ (ตัดขาดเลยเหรอ?) ใช่ค่ะ (ใครตัดใครก่อน "สา" หรือ "ต้าร์"?) ตามนั้นค่ะ"
พอถามต่อว่านักร้องหนุ่มตามง้อมากน้อยแค่ไหน นางแบบสาวแย้มว่า "ตลอด 3 - 4 เดือนที่ผ่านมาค่ะ ก็ง้อตลอดค่ะ อย่างที่บอกปัญหาระหว่างเราสองคน ต้องใช้ความเข้าใจกันมากๆ ค่ะ แล้วต้องใช้ความอดทนกันสูงๆ ถึงจะแก้ปัญหาได้ สาหมดความอดทนค่ะ ถามว่าเข้าใจมั้ย...เข้าใจค่ะ แต่ว่าปัญหามันแก้ไม่ได้มากกว่าค่ะ"
"เขาคงเสียใจค่ะตามประสาเขา ถามเราเองเสียใจมั้ย...เราก็เสียใจ เพราะว่า 4 ปีที่ผ่านมาเป็น 4 ปีที่ดี แล้วเป็น 4 ปีที่แฮปปี้ ในเมื่อมันไปด้วยกันไม่ได้ เราคงต้องยอมรับตรงนั้นด้วย พี่เขาโตแล้วค่ะ เขาคงดูแลตัวเองได้ สายังดูแลตัวเองได้ สาเด็กกว่าเขาตั้งเยอะ"
พอถามย้ำอีกครั้งถึงปัญหาที่ทำให้ต้องแตกหักถึงขั้นเลิกรากันแบบนี้ นางแบบสาวเปรยว่า
"ปัญหาส่วนตัวค่ะ (มือที่ 3 ?) ขอยืนยันล้านเปอร์เซ็นค่ะว่าไม่มีมือที่ 3 นะค่ะ ไม่มีเรื่องราวของความเจ้าชู้ หรือเรื่องความสำมะเรเทเมาที่คิดกันไปต่างๆ นานา ไม่มีค่ะ มันเป็นปัญหาบางอย่างที่คลิกแล้วไม่ลงล็อคมากกว่าค่ะ เหมือนหาจิ๊กซอว์ไม่ลงมุมมากกว่าค่ะ มันก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องหาจิ๊กซอว์ตัวใหม่มาใส่แทน คือตอนนี้สามีความสุขดีกับหน้าที่การงาน แฮปปี้มากที่มีเพื่อนๆ คอยเอาใจตลอดเวลา ตอนนี้ขออยู่กับตัวเองไปก่อน ถ้ามีอะไรใหม่จะไว้อัพเดทให้ฟัง"
พอถามต่อถึงกระแสข่าวเม้าท์หนาหูก่อนหน้านี้ว่า หนุ่ม "ต้าร์" คอยตามไปหึงหวง นางแบบสาวปัดว่า
"ไม่ได้เชิงตามหึงหวงค่ะ เพียงแต่ว่าเรามีเอกสารบางอย่างที่เราต้องเคลียร์กัน เขาก็พยายามอยากเข้ามาดูแล แต่เขาต้องเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ ในเมื่อมันเข้าใจกันไม่ได้ เคลียร์กันไม่ได้จริงๆ มันก็ไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ(น้องหมาล่ะ?) น้องหมายังอยู่ค่ะ สาเลี้ยงมาตั้งแต่แรก ก็อยู่ตั้งแต่แรก ไอติมยังอยู่กับสา สบายดีค่ะ ยังเรียกใช้งานได้เหมือนเดิมค่ะ (ตอนนี้คุยกันมั้ย?) ไม่ได้คุยแล้วค่ะ (เลิกเด็ดขาดแล้ว?) ตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ หรือไม่ใช่อารมณ์ที่เราสามารถคุยกันได้ ถ้าผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เราอาจจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีได้

ได๋ ย้ำสัมพันธ์ นาวิน ต้าร์เพื่อนกันตลอดไป

ได๋ ย้ำสัมพันธ์ นาวิน ต้าร์เพื่อนกันตลอดไป เพื่อนกันจนวันตาย ได๋ -ไดอาน่า ย้ำความสัมพันธ์กับ นาวิน ต้าร์ ลั่นไม่มีวันเลิกคบกันแน่นอน เผยงานยุ่งไม่มีเวลาดูใจใครเลย แม้จะเคลียร์ความสัมพันธ์กันไปเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ กับ ''ต้าร์'' นาวิน เยาวพลกุล จริงๆ สำหรับ พิธีกรสาวมากความสามารถอย่าง ''ได๋'' ไดอาน่า จงจินตนาการ ซึ่งล่าสุดผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอหน้าสาวได๋ เลยขออัพเดตเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับหนุ่มต้าร์อีกครั้งว่ามีโอกาสจะรี เทิร์นกลับมาคบเป็นแฟนกันอีกหรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องนี้สาวได๋ชี้ให้ฟังชัดๆ กันไปเลยว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน เธอกับหนุ่มต้าร์ก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป''ความสัมพันธ์กับต้าร์ขอยืนยันคำเดิมว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ ไหนไม่ว่าเราจะตายไปแล้วจนเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนเราก็ยังคงอยู่ค่ะ เพราะความสัมพันธ์แบบนี้มันยืนยาวที่สุดแล้ว ไม่มีวันเลิกคบกันได้แน่นอน''ต่อคำถามว่าที่ผ่านมามีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบสาวได๋เยอะอยู่เหมือนกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้สาวได๋เล่าให้ฟังว่า''ก็มีบ้าง แต่ก็พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าคนที่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ต้องเข้าใจชีวิตเรา เพราะด้วยงานเรา เราเป็นคนที่ทำงานเยอะมาก เพราะฉะนั้นถามว่าทำไมมีข่าวกับคนโน่นคนนี้ตลอด แต่พอคนนี้เข้ามาก็คิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ยุ่งจังทำงานเยอะจังแล้วก็หายไป นี่แหละพอคนนี้ไปคนโน่นก็จะเข้ามาทำความรู้จักแทนเลยมีเพื่อนเยอะค่ะ แต่สำหรับคนที่จะคบหาดูใจยังไม่มีจริงๆ มีแต่เพื่อนคุยมากกว่า'' ได๋กล่าว

Tuesday, April 14, 2009

โดม ปกรณ์ ลัม ไม่สนอดีตการ์ตูน อินทิรา

โดม ปกรณ์ ลัม ไม่สนอดีตการ์ตูน อินทิรา “โดม” ไม่สนอดีต “การ์ตูน” แนะฝ่ายหญิงควรออกมาพูดความจริง เผยไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นความผิดร้ายแรงเพราะไม่ได้ฆ่าใครตาย ส่วนเรื่องเคยเป็นเมียน้อยบอกยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ค่อนข้างเห็นใจและสงสาร เผยถ้าจะเลิกกันต้องไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอน เป็นที่จับตามองมาตลอดตั้งแต่ “โดม ปกรณ์ ลัม” ฉายาหล่อขั้นเทพออกปากว่ากำลังศึกษาดูใจกับดาราสาว “การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร” แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีข่าวว่า การ์ตูนเคยแต่งงานมีสามีมาแล้ว แถมยังมีภาพมายืนยันเป็นหลักฐานจนฝ่ายหญิงออกมายอมรับ แต่นักร้องหนุ่มก็ไม่สนใจอดีต ยังคงเดินหน้าคบหากับการ์ตูนต่อไป ส่วนกรณีที่ “พิมพ์” ภรรยาของ “หนึ่ง” อดีตสามีเก่าของการ์ตูน ออกมาแฉว่า ถูกการ์ตูนแย่งสามีไปแต่งงานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เลิกกับตน พร้อมเปิดเผยพฤติกรรมในอดีตชนิดหมดเปลือก โดมบอกว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวไม่สนใจอดีต แนะให้ฝ่ายหญิงออกมาพูดความจริงดีที่สุด “เรื่องที่ใครออกมาพูดหรือแฉอะไร คงต้องให้การ์ตูนเขาออกมาพูดเองครับว่าอะไรเป็นยังไงกันแน่ เพราะผมยังไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ แต่ในความรู้สึกผม ผมเห็นใจน้องเขานะครับ เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้น้องเขาได้บอกกับผมมาพักนึงแล้ว ผมก็ได้แต่ให้กำลังใจไป” “ซึ่งจริงๆ แล้วถามตัวผมเนี่ย ผมเพิ่งคุยกับเขาได้แค่ 2 เดือนกว่าๆ แต่ช่วง 2-3 อาทิตย์แรกเขาก็ยังไม่ได้บอกอะไรหรอกครับ แต่พอมามีกระแสข่าวเรื่องแต่งงานเขาก็เลยมาคุยกับผม ก็มาเล่าตรงๆ อย่างที่เขาพูดไปนั่นแหละครับ” “เขาก็เล่าว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบที่ในข่าวออกไปนะ ตอนนั้นเขายังเด็กมาก เรื่องวุฒิภาวะอะไรก็ยังไม่มี เขาไม่ได้ไปแย่งของใครมานะ ตอนนั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่จริงๆ เขาก็พูดแบบที่เขาแถลงไปครับ คือเล่าแล้วผมรู้สึกเห็นใจมากกว่าครับ” “ส่วนตัวผมไม่ได้มองอดีตอยู่แล้วครับ เพราะเราเพิ่งรู้จักกันเอง และผมก็ไม่สามารถไปควบคุมหรือไปเปลี่ยนแปลงอดีตของใครที่ผ่านมาได้ ตอนนี้ผมสนแค่ความรู้สึกตอนนี้ ณ วันนี้เราคุยกันแฮปปี้ มีความสุข แต่เรื่องราวความจริงมันก็คือความจริงครับ ผมก็บอกเขาไปว่ามีอะไรก็พูดออกไปตรงๆ เพราะเราไม่ได้ไปฆ่าใคร ทำร้ายใคร ไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง แต่โอเคเราอยู่ตรงนี้ เราเป็นดารา เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มีอะไรก็ให้พูดไปเลยอย่าโกหก ผมก็ให้กำลังใจเขาและบอกเขาไปอย่างนี้” “ตอนนั้นที่ฟังครั้งแรกไม่อึ้งนะ เพราะผมก็เจอเรื่องแปลกๆ ในชีวิตมาเยอะ(หัวเราะ) คืออารมณ์ตอนนั้นก็แค่อยากรู้ อยากเห็น ว่าเอ๊ะอะไรทำไม แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงเท่านั้นเองครับ ผมก็ถามไปเหมือนกันว่าเหตุการณ์เป็นยังไง เขาก็เล่ามา ผมก็ค่อนข้างเห็นใจเขานะ สงสารน่ะครับ” “ตั้งแต่มีข่าวเขาก็มาปรับทุกข์ครับ แต่เขาเข้มแข็งนะ ไม่ได้ถึงกับร้องไห้อะไร ผมก็บอกไปว่าไม่เป็นไรนะ คนไทยน่ารัก ถ้าพูดความจริงไม่มีใครโกรธหรอก แต่อย่าโกหกกัน และทุกวันนี้เขาก็ดูแลตัวเองได้ดี ดูแลครอบครัวได้ ไม่ได้เป็นเด็กใจแตก ไม่กินเหล้าเมายา ผมว่ายังดีกว่าที่สังคมเห็นๆ กันอยู่นี่อีกนะ” “คือเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของผมครับ ผมก็ได้แค่ให้คำปรึกษา กับเป็นที่ปรับทุกข์กัน และก็ให้คำแนะนำไป ซึ่งเขาก็มีผู้ใหญ่ที่คอยดูและคอยแนะนำอยู่แล้ว แต่ในความรู้สึกของผม ผมรู้สึกว่าดีนะที่เขาออกมาเปิดใจพูดอย่างนี้แล้ว ออกมายอมรับความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ถ้าโกหกก็ต้องโกหกต่อไปเรื่อยๆ ผมว่าเขาออกมายอมรับอย่างนี้เป็นสิ่งที่น่ายกย่องนะ ผมก็ได้แต่สงสารเขา เพราะทุกคนย่อมต้องมีสิ่งที่ทำผิดพลาดกันได้ทุกคนอยู่แล้ว” ยอมรับว่าพอมีข่าวนี้ออกมา เห็นกระแสจากอินเตอร์เน็ตบอกว่าให้เลิกกับ “การ์ตูน” แล้วกลับไปคบกับ “พลอย เฌอมาลย์ บุญญศักดิ์” อดีตคนรักเหมือนเดิม แต่ตนยังยืนยันว่าไม่ขอยุติสัมพันธ์เพราะเรื่องแค่นี้แน่นอน “ส่วนตัวผมว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะ เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ฆ่าคนตาย มันก็เป็นเรื่องที่คนๆ นึงเคยทำผิดและก็ออกมายอมรับผิด สำหรับผมแล้วการ์ตูนยังเป็นคนที่ผมสนิทอยู่นะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็ยังไม่เคยบอกว่าเขาเป็นแฟน เราก็ยังเป็นคนที่คุยกัน” “ส่วนกับพลอยก็ถือว่ายังเป็นคนสนิทอยู่ เรายังคุยกันอยู่เสมอ ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันตลอด และผมขอขอบคุณกับทุกความคิดเห็นและทุกเสียงที่มาถึงผมครับ แต่ผมบอกได้เลยว่าถ้าจะมีเรื่องที่ทำให้ผมเลิกคุยกับการ์ตูน ต้องไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอนครับ ณ วันนี้เรายังแฮปปี้ดี” “ผมยังตอบเหมือนเดิม ผมไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอดีตได้ และตอนที่เรื่องนี้เกิดมันก็ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาของผม คือมันผ่านไปแล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องของผม ผมยังคงให้กำลังใจ และการ์ตูนยังจะเป็นคนที่ผมคุยด้วยอยู่ ผมบอกแล้วว่าถ้าเราจะหยุดคุยกันต้องเป็นเรื่องอื่นครับ ไม่ใช่เรื่องนี้ครับ”

นัท มีเรีย ไม่ทิ้ง"เต๋า

นัท มีเรีย ไม่ทิ้ง"เต๋า ยังห่วงใยอดีตสามี "เต๋า"สมชาย เข็มกลัด แต่ไม่มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิมแล้ว สาว "นัท" มีเรีย เบนเนเด็ตตี้ เปิดใจหลังเสร็จจากบันทึกเทปรายการ "จันทร์พันดาว" ว่า"ความสัมพันธ์กับเต๋าทุกวันนี้เป็นเพื่อนกัน ไปทานข้าว ไหว้พระด้วยกัน ให้กำลังใจกัน ภาวะที่คนหนึ่งกำลังแย่เราก็ไม่ควรทอดทิ้ง นัทก็ยังห่วงใยเต๋าอยู่เหมือนเดิม คนเรามีอารมณ์ขึ้นลง อยากให้เขาเข้มแข็ง แต่โอกาสกลับมาเหมือนเดิมไม่มีแล้ว แต่ที่ยังคุยกันได้ เพราะเราเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อน แล้ววันหนึ่งที่มันไม่ใช่ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันได้""ตอนนี้นัทยังไม่มีใคร มีความสุขกับชีวิตโสด ไม่ปิดกั้นตัวเอง แต่มีความระมัดระวังมากขึ้น กับความรักครั้งใหม่ที่จะเข้ามาเราต้องพร้อมก่อน นัทเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ถึงเวลาก็จะมาเอง อีกอย่างนัทไม่ค่อยได้เจอใคร เพราะต้องดูแลคุณแม่ที่ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง นัทก็ดูแลท่านให้ดีที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาเหมือนเป็นบททดสอบชีวิตทำให้เราเข้มแข็งขึ้น" สาวใจแกร่งกล่าว

Monday, April 13, 2009

การ์ตูน อินทิรา ขอโทษโกหกไม่เคยแต่งงาน

การ์ตูน อินทิรา ขอโทษโกหกไม่เคยแต่งงาน นางร้ายสาวหน้าหวาน การ์ตูน-อินทิรา เฉลย!!! ภาพหลุดแต่งงานหนุ่มนอกวงการครั้งแรก! ยอมรับเคยแต่งงานก่อนเข้าวงการจริง! แต่เป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น! เปรยเลิกรากับอดีตสามีรุ่นใหญ่และเลิกติดต่อกันมานานร่วม 5 ปีแล้ว ปัดไม่เคยคิดแหกตาเวทีมิสทีนฯ ฟุ้งด้านหวานใจนักร้องหนุ่ม โดม-ปกรณ์ ลัม รู้เรื่องราวมาโดยตลอดและเข้าใจไม่ซีเรียส!! เผยก่อนหน้านี้ยอมสตอเบอร์รี่เพราะความจำเป็น!! ฝากขอโทษแฟนละครและสื่อทุกคน วอนยุติข่าวฉาวดังกล่าว และตนไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องนี้อีก!!! หลังเจอพิษภาพหลุดสุดฉาว แฉ!! อดีตเคยแต่งงานกับหนุ่มนอกวงการมาแล้ว ดาราสาว การ์ตูน-อินทิรา ถึงกับช็อกล้มป่วยกะทันหัน ล่าสุดเจ้าตัวยอมเปิดใจครั้งแรก ขณะเดินทางมาถ่ายทำโฆษณากาแฟยี่ห้อ “ฟิตตี้ คอฟฟี่” ที่สตูดิโอ อินไพร์เอ็นเตอร์เทนท์เม้นท์ เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (13 เม.ย.) เวลา 17.00 น. โดยเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นร้อนทันทีว่า... "สำหรับเรื่องที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้วค่ะ ตูนเองตอนนั้นยังเด็กมาก และวุฒิภาวะก็ค่อนข้างน้อย เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการให้ อย่างที่บอกว่าตอนนั้นยังเด็ก ตอนนั้นที่เจอพี่ๆ สื่อมวลชนที่ปฏิเสธไปแบบนั้น เพราะว่าตั้งแต่มีกระแสเกิดขึ้น ตูนเองก็ต้องปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆ ฝ่าย เพราะว่ามีผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนตูนอยู่หลายๆ ฝ่าย ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้มา ตูนก็ต้องปรึกษาขั้นตอนว่าจะไปทิศทางไหน ตูนก็พร้อมยอมรับความจริงอยู่แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกหรือว่าอะไร ตอบไปตอนนั้นตูนก็ไม่สบายใจเหมือนกัน วันนี้มีโอกาสเจอพี่ๆ นักข่าวเป็นครั้งที่สอง พร้อมที่จะชี้แจงว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว อยากให้มันจบไปดีกว่า" พอถามต่อว่ากลัวถูกมองว่า "ขี้โกหก" หรือเปล่า เพราะตอนแรกออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง ดาราสาวเปรยว่า "อย่างที่บอกว่าตูนไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธ เพียงแต่ว่า ณ จังหวะนั้น ช่วงเวลานั้น ตูนไม่ใช่ตัวคนเดียว ตูนต้องปรึกษาผู้ใหญ่ ให้การแนะนำ และผู้ใหญ่ก็ให้การแนะนำว่าเราควรจะหาทางออกยังไง ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาค่ะ ตูนไม่ได้พูดอะไรชัดเจนในขณะนั้น คิดอยู่แล้วว่าเดี๋ยวตูนต้องพูดนะ ตูนต้องยอมรับอยู่แล้ว" ผู้สื่อข่าวซักต่อว่า ณ ตอนนั้นทำไมถึงตัดสินใจแต่งงาน ดาราสาวเปรยสั้นๆ ว่า “อย่างที่บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการให้ค่ะ ตอนนั้นตูนก็ยังเด็ก" พร้อมเปรยต่อว่ารู้สึกเครียดกับกระแสข่าวที่ออกมาค่อนข้างรุนแรงว่า "เครียดเหมือนกัน เพราะว่าการที่ตูนจะตอบคำถามอะไรไป ตูนไม่แน่ใจว่าจะไปกระทบใครบ้าง ตูนไม่อยากให้ใครเดือดร้อน ตัวตูนเองก็พร้อมจะยอมรับความจริงอยู่แล้ว คนเราหนีความจริงไปไม่ได้อยู่แล้วค่ะ คือไม่พูดวันนี้ วันหน้าก็ต้องพูดอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะมีโอกาสและจังหวะตอนไหนค่ะ" “มีคนมาถามเรื่องข่าวมั้ย ก็ไม่มีนะคะ ทุกคนให้กำลังใจอย่างเดียว ไม่มีใครมาถามอะไรทั้งสิ้นเลยค่ะ ทุกคนเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่าจะเจอข่าวไหน เพราะช่วงนี้ตูนเจอข่าวหนักๆ ค่อนข้างเยอะ มันหลายๆ อย่างมาก หลายๆ กระแสมาก จะไม่ค่อยมีใครถามอะไรเท่าไหร่ จะมีบอกให้ตูนสู้ๆ นะ มากกว่า" ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลังจากมีภาพหลุดดังกล่าวออกมา ได้ติดต่อไปยังอดีตสามีบ้างหรือเปล่า ดาราสาวปฏิเสธทันที พร้อมเปรยต่อว่า "ไม่ได้เจอ ไม่ได้ติดต่อกันเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้จะติดต่ออะไรกันอีกเลย ตูนเองก็ใช้ชีวิตของตูนเหมือนเดิม ดูแลครอบครัว เพราะตอนนี้ตูนก็โตแล้ว อยากตั้งใจเรียน ทำหน้าที่การงานของตัวเอง และดูแลครอบครัวตูนอย่างเดียว ตอนนี้ไม่ได้อะไรเลยค่ะ" "ณ ตอนนี้ ด้วยอาชีพการงานของเรามันอยู่ในที่แจ้งค่ะ จะเจออะไรหลายๆ อย่างเข้ามากระทบได้ง่ายมากกว่าค่ะ เพราะว่าอย่างนักแสดงหลายๆ ท่านจะเจอข่าวโน้นข่าวนี้ แล้วแต่ใครจะเจอในรูปแบบไหน ตูนว่ามันด้วยอาชีพการงานของเรามากกว่าที่ต้องเจอ ตูนเข้าใจค่ะ อย่างที่บอกว่าเราอยู่ในที่แจ้ง ไม่โดนวันนี้ก็ต้องโดนวันหนึ่ง อย่างที่บอกว่ามันขึ้นอยู่กับจังหวะค่ะ ไม่เคยคิดโทษใคร" ต่อข้อซักถามว่าคิดจะเคลียร์กับคนปล่อยภาพมั้ย ม้ายสาววัยเอ๊าะโบ้ยทันทีว่า "ไม่คิดเคลียร์กับใครค่ะ ไม่อยากพาดพิงถึงใคร จบไปแล้วก็อยากให้จบไปเลยดีกว่า มันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว อย่างที่บอกว่ามันเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ตูนเองก็ยังอยู่กับครอบครัวเราเหมือนเดิม (เหมือนจากกันด้วยไม่ดี??) ไม่มีค่ะ จริงๆ แล้วมันเหมือนภาพที่พี่ๆ หรือเพื่อนๆ ทุกคนมีแฟนตอนเด็กแล้วก็เลิกกัน มันแค่นั้นค่ะ ไม่ได้มีอะไรที่ดูเป็นเรื่องใหญ่กว่าคนอื่น เพียงแต่เราอยู่ตรงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยเป็นแบบนี้" พอถามต่อถึงกระแสข่าวเม้าท์หนาหูอีกประเด็นหนึ่งว่าสาว “การ์ตูน” เป็นมือที่ 3 ไปแย่งแฟนคนอื่นมา เจ้าตัวปัดว่า "ตูนเองไม่เคยคิดไปแย่งของใครอยู่แล้วค่ะ อย่างที่บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการให้ เพราะฉะนั้นเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ (อยากให้เรื่องนี้จบลงยังไง??) โดยส่วนตัวตูนแล้ว ตูนอยากให้มันจบไป อยากให้ทุกคนเข้าใจค่ะ ตูนก็ไม่สามารถไปห้ามความคิดใครได้ ตูนเอาแค่ว่าพี่ๆ สื่อมวลชนหรือว่าประชาชน คนรอบข้างตูนที่ตูนแคร์ ที่ตูนรักเข้าใจก็พอแล้ว ต่อไปมีอะไรอีก ตูนก็พร้อมที่จะยอมรับ และเข้มแข็งกับมัน" ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตั้งแต่มีภาพหลุดออกมาได้คุยกับ "พี่โดม" บ้างหรือยัง การ์ตูน พยักหน้ายอมรับ พร้อมเปรยต่อว่า "ได้คุยค่ะ ได้ให้กำลังใจ คือตูนเคยคุยกับพี่เขาเรื่องนี้ก่อนที่จะมีข่าวอยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรค่ะ ถ้ารายละเอียดอื่นๆ ด้านความรู้สึกคงจะต้องไปถามพี่เขาค่ะ อย่างที่บอกว่าคนเราหนีความจริงไม่พ้นค่ะ ถ้าเราคิดว่าเราคิดดี ทำดี ก็หวังว่าคงจะเจอแต่สิ่งที่ดีๆ หลังจากนี้ไป แต่ถ้าอะไรจะเกิดขึ้น ตูนก็พร้อมจะยอมรับมันอยู่แล้วค่ะ (กระทบความสัมพันธ์กับ “พี่โดม” มั้ย??) ตูนไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ อย่างที่บอกตอนนี้คิดถึงแค่ครอบครัว คนรอบข้างและเรื่องงาน ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ (ปรึกษา “โดม” ก่อนให้สัมภาษณ์วันนี้มั้ย??) ไม่ต้องปรึกษาค่ะ ถ้าปรึกษาคงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ แต่ก็มีการบอกเล่ากันปกติค่ะ" ดาราสาวเปรยต่อว่า ทางครอบครัว เพื่อนฝูง และคนใกล้ชิดเข้าใจสถานการณ์นี้ดี และต่างให้กำลังใจ "ให้กำลังใจค่ะ คนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อน ให้กำลังใจหมดเลยค่ะ ตูนว่าตรงนี้คุณแม่ทุกคนก็คงเป็นห่วงลูกอยู่แล้วค่ะ ตูนเองก็ไม่อยากจะโทษใครค่ะ อยากให้มันจบไป ไม่อยากรื้อฟื้นอีก ตูนก็รักครอบครัว และครอบครัวก็รักตูน เราก็ดูแลกันได้เหมือนเดิม ขอดูแลท่านให้มีความสุขที่สุดดีกว่า” “ตูนเองไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนใสแบบนั้นอยู่แล้ว บุคลิกตูนเป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้สร้างภาพ จริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นอย่างนี้แล้วมาเป็น มันไม่ใช่ แต่เรื่องที่ผ่านมามันเป็นเรื่องของอดีต ที่ผ่านมาแล้วๆไม่กังวลเรื่องนั้น" ส่วนกระแสข่าวที่หลายคนมองว่าเวทีมิสทีนฯ ถูกแหกตา จะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร ดาราสาวเปิดใจว่า "ตูนเองเนี่ย เหมือนเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการให้ เป็นพิธีการต่างๆ ตูนไม่ได้จดทะเบียนสมรส ตูนยังใช้นางสาวปกติค่ะ ก็สามารถประกวดได้ ไม่มีเรื่องอะไรตรงนั้น มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แล้วจบไป คือตูนแต่งงานก่อนประกวด แล้วก็เลิก ก่อนเข้าวงการบันเทิงอีก ไม่อยากรื้อฟื้นอะไร (คิดจะฟ้องร้องอะไรมั้ย??) ปล่อยให้ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการให้ค่ะ ตูนเองตอนนี้โอเคเรามีวุฒิภาวะแล้ว แต่ว่าในมุมมองสายตาผู้ใหญ่หรือครอบครัว เราก็ยังเป็นเด็กอยู่ ถ้าเป็นเรื่องที่ใหญ่ขนาดนั้น ตูนเองคงไม่สามารถจัดการได้ คงต้องให้เป็นผู้ใหญ่จัดการ" พอถามต่อว่าอยากจะติดต่อกลับไปคุยหรือเคลียร์อะไรกับหนุ่มในภาพหลุดหรือเปล่า สาวการ์ตูนโบ้ยว่า "ตูนไม่มีเบอร์ติดต่อ ไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้วค่ะ 4-5 ปีแล้ว ตูนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ตูนปล่อยให้มันผ่านไป ตูนเป็นคนที่ไม่ค่อยยืดติดกับอดีตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม (เขาติดต่อมามั้ย??) ไม่ทราบค่ะ ไม่มีมาถึงตัวตูนนะ ไม่รู้ว่าใครอะไร ยังไง ไม่พูดถึงคนอื่นดีกว่าค่ะ วันนี้มาก็อยากจะชี้แจงเรื่องของตัวเองอย่างเดียว" ผู้สื่อข่าวเปิดโอกาสให้ฝากอะไรถึงแฟนๆ ละครเป็นการทิ้งท้ายก่อนจบการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ดาราสาวเอ่ยปากขอโทษ พร้อมเปรยเสียงอ่อยว่า "ตูนอยากขอโทษแฟนละครหรือว่าประชาชน หรือว่าใครที่ติดตามข่าวเรื่องนี้อยู่ พี่สื่อมวลชนทุกคนที่ติดตามข่าวมาตลอด และบางคนบางส่วนที่รู้เรื่องตูนอยู่แล้ว ก็เข้าใจยังให้การสนับสนุนตูน ขอบคุณผู้ใหญ่ ช่อง 7 หรือทางมิสทีนฯ ทุกท่านน่ารัก และสนับสนุนตูนมาตลอด ก็อยากขอโทษอยากให้จบเรื่องนี้ไป ตูนคงไม่พูดถึงอีกแล้ว เอาเป็นว่าเคลียร์และขอโทษทุกคนค่ะ"

ช๊อค การ์ตูน อินทิรา ยอมรับเคยแต่งงานจริง

ช๊อค การ์ตูน อินทิรา ยอมรับเคยแต่งงานจริง นักแสดงสาว “การ์ตูน – อินทิรา เกตุวรสุนทร” วัย 21 ปี ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาว่า เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วตอนอายุ 16 ปี ตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการบันเทิง โดยตอนนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้อยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้ทำการจดทะเบียนสมรส ส่วนการ์ดแต่งงานที่ถูกแพร่ผ่านสื่อก่อนหน้านี้สาวการ์ตูนยอมรับว่าเป็นการ์ดของตนเองที่ใช้เชิญแขกจริงทั้งนี้การ์ตูนเปิดใจว่าหลังจากอยู่กินกับสามีได้เพียงไม่กี่เดือนก็เลิกลากันโดยไม่บอกสาเหตุ จากนั้นสาวการ์ตูนก็เข้ามามีชีวิตที่รุ่งโรจน์ในวงการบันเทิงหลังจากเข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์เมื่อปี 2546สาวการ์ตูนย้ำว่าความจริงไม่อยากโกหก ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาก็มีสื่อขุดคุ้ยเรื่องนี้เยอะ แต่ที่ต้องปฏิเสธเพราะไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ที่เคยเอ็นดูผิดหวังส่วนความสัมพันธ์ช่วงนี้ที่กำลังหวานชื่นกับหนุ่มโดม – ปกรณ์ ลัม นั้น สาวการ์ตูนมั่นใจว่า โดมเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นและเธอก็ได้บอกเล่าความจริงทุกเรื่องให้ทราบแล้วตั้งแต่คบกัน ซึ่งหนุ่มโดมไม่ได้รังเกียจหรือแสดงท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด ทั้งนี้สาวการ์ตูนขอความเห็นใจว่าไม่อยากให้สื่อขุดคุ้ยเรื่องอดีตของเธออีก

Sunday, April 12, 2009

คลิป ปาร์ตี้โจอี้ บอย หลุด

คลิป ปาร์ตี้โจอี้ บอย หลุด ว่อนเน็ตอีกแล้วจ้า คลิป ปาร์ตี้โจอี้ บอย ที่เคยเป็นข่าวฮือฮาเมื่อหลายปีก่อนโน้น เม้าท์กระฉ่อนว่างานนี้มีดารา นางแบบสาวชื่อดังหลายคนร่วมปาร์ตี้ด้วย ซึ่งงานนี้นักร้องสาวกิ๊ฟซี่ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ก็โดนหางเลขเม้าท์กระฉ่อนเน็ตนุ่งสั้นนัวเนีย โจอี้ บอย
ด้านแฟนคลับของ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ออกมาด่ากระฉ่อนว่าไม่ใช่กิ๊ฟซี่อย่างแน่นอน เพราะดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ เมื่อทีมข่าวลองพิจารณาดูคลิปหลุด ที่มีสาวคลอเคลียกับโจอี้อย่างพินิจพิจารณาสรุปว่าไม่ใช่ กิ๊ฟซี่ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่อย่างแน่นอน!!

สวีทหวาน ฟลุคพาแพงเที่ยวสิงค์โปร์วันสงกรานต์

สวีทหวาน ฟลุคพาแพงเที่ยวสิงค์โปร์วันสงกรานต์ฟลุค ยี้ ชัญญา จวกเกาะดังจัด ฉากหมูกระทะแย้มสงกรานต์ควง แพง ไปสิงคโปร์
คาสโนว่าบ้าของแพง ฟลุค - เกริกพล มัสยวานิช โดนจัดฉากถูกแชะภาพที่ร้านหมูกระทะ เพื่อโปรโมทไฮโซลูกครึ่งญี่ปุ่น ชัญญา ทามาดะ หลังจากมีข่าวลือว่าเป็นฝีมือของไฮโซ หวังจะดึงตัวเข้าสู่วงการ แต่ดวงซวยกับตกมาที่หนุ่มฟลุค จนลั่นว่าอยากจะจบไปตั้งนานแล้ว
"ผมไม่อยากพูดถึงนะ ไม่อยากยุ่ง เดี๋ยวก็มีคนใหม่แหละในข่าว ต้องสร้างกระแสไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มี"
เชื่อว่าชัญญายังเกาะฟลุคดังอยู่หรือเปล่า "ไม่ คือเราต้องรู้ว่าอะไรคืออะไร ผมเชื่อว่าหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง มันก็เลยมีข่าวหลุดออกมา เดี๋ยววันหนึ่งไม่ต้องมานั่งถามผมหรอกครับ เดี๋ยวก็มีคนออกมาพูดเอง ผมก็ไม่รู้แต่ก็เกิดขึ้นได้"
โกธรมั้ย ถ้าเป็นเรื่องจริง "ผมโกธรเขาตั้งแต่แรกแล้ว ยังไงผมก็โกรธมายุ่งอะไรกับผม ผมไปกินข้าวไม่ได้ไปทำคุณท้องนะ ไปกินข้าวมื้อหนึ่งแล้วบังคับให้ผมต้องจีบ คุณมีวิจารณาญอย่างไรว่าผมจีบ เพราะผมไม่ได้จีบ แล้วออกมาแฉอย่างไรไหนบอกว่าไม่อยากดัง ตีพิมพ์ไป 8 เล่ม ไม่อยากดังออกอีเว้นท์ทุกอัน ดังนั้นผมจะจบ ไม่พูดถึงแล้ว"
รู้สึกอย่างไรที่มีข่าวว่าแพงให้อชิเรียกแม่ "ข่าวมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนขึ้นมา แต่ไม่ได้ให้เรียกว่าแม่ แค่พาดหัวข่าวขึ้นมา แล้วก็ไปถามคุณโบว์ ซึ่งเขาตอบดีมากแบบกลางๆ เพราะเขาคงรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่อชิจะพูดอย่างนั้น คือเรื่องมันไม่ได้เป็นเรื่อง แค่คนพูดต่อ คำมันผิดนิดหนึ่งก็ไปเรื่อยๆ"อยากให้น้องอชิเรียกแพงว่าอะไร "เขาก็เรียกว่าพี่ แต่จริงๆต้องเรียกว่าอา"
ตอนนี้คาสโนวาฆ่าตายหรือยัง "ไม่ ไม่ ยังบ้าของแพง แล้วจะตายได้อย่างไร ยังอยู่ ยังรักกันอยู่ ยังดีอยู่"
สงกรานต์ไปเที่ยวไหน "ก็ไปเที่ยวสิงคโปร์ แล้วก็บินตันเกาะที่อินโด จะไปวันที่ 13 พาแพงและเพื่อนสองคนไป เพราะน้องอชิไปกับคุณโบสิบวัน ก็เลยหาที่ไป"

Saturday, April 11, 2009

เมย์ พิชญ์นาฏ คืนดีแฟนหนุ่ม

เมย์ พิชญ์นาฏ คืนดีแฟนหนุ่ม “เมย์” ลมพัดหวน “ไพรส์” เปิดใจยังรักตลอดเวลา และไม่มีใครแทนที่ฝ่ายชายได้ เผย จะทำให้ดีที่สุด แต่ไม่คาดหวัง หากไปกันไม่รอดก็ยินดีเป็นเพื่อนกัน เลิกรากันไปนานร่วมเดือน ล่าสุดสาวเซ็กซี่ “เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร” ก็ออกมายอมรับว่าได้กลับมาคืนดีกับแฟนหนุ่มนักธุรกิจรถยนต์ปอร์เช่ “ไพรส์ วุฒิศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์” แล้ว หลังรู้ใจตัวเองว่าไม่สามารถลืมอีกฝ่ายได้ อีกทั้งลองคบกับหนุ่มคนใหม่ก็ไม่แฮปปี้เหมือนคบกับหนุ่มไพรส์ ฟุ้งกลับมาครั้งนี้จะทำให้ดีที่สุด แต่ไม่คาดหวังให้ตัวเองต้องกดดัน “ขอพูดครั้งเดียวนะคะ ดีกันแล้วค่ะ ขอไม่พูดอะไรมากดีกว่า ก็ดีกันแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปดีกว่า ที่ผ่านมาเราก็มีเรื่องบ้าง มีปัญหานิดๆ หน่อยๆ เข้ามา ประจวบกับเป็นช่วงที่ทำงานเยอะ มันเหนื่อยแล้วเบื่อก็เลยขอเบรคออกมาค่ะ พอช่วงที่ห่างกันก็มีคนเข้ามาบ้าง แต่คุยแล้วก็ยังคิดถึงเขาอยู่ ส่วนเขาเองก็ขอโอกาส ก็โอเค กลับมาลองคุยกันดีๆ” เป็นเพราะรู้ตัวว่ายังรักกันอยู่ตลอดเวลา และไม่มีใครแทนที่หนุ่มไพรส์ได้ จึงตัดสินใจกลับมาคบกันเหมือนเดิม “รักกันอยู่แล้วค่ะ เมย์คิดว่าที่ผ่านมาเมย์เป็นผู้หญิงแข็งๆ ก็ควรอ่อนลงบ้าง แล้วก็พยายามเข้าใจเขามากขึ้น แล้วก็จะไม่กดดันกัน จะทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ถ้าใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ เมย์เชื่อใจอยู่แล้วค่ะ ก็ดูแล้วกันว่าจะเป็นยังไง” “ไม่มีการคุกเข่าอะไรทั้งนั้น คือคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้มีใครมาแทนที่เขาได้ เขาก็ไม่ได้มีใคร ก็เลยมาคุยกันดู ตกลงว่าจะลองกลับมาดูใหม่ เรื่องสัญญาไม่มีค่ะ ก็ลองดูถ้าเกิดคราวนี้มันไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกันได้ ตอนนี้สบายใจค่ะ ดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน”

นก อุษณีย์ ไม่กลัวถูกแฉคลิปสวีท วินนี่

นก อุษณีย์ ไม่กลัวถูกแฉคลิปสวีท วินนี่ ดาราสาวเซ็กซี่ นก-อุษณีย์ เผย! ไม่กลัวถูกแฉคลิปสวีทแฟนหนุ่ม “วินนี่” หลังทำโทรศัพท์มือถือหาย ยอมรับมีภาพสวีทเล่นน้ำในทะเลด้วยกันจริง แต่คอนเฟิร์มไม่มีภาพกอดหรือจุ๊บติดเรทอย่างแน่นอน! ฟุ้งพัฒนาความสัมพันธ์เป็น “แฟน” เรียบร้อยแล้ว แต่โบ้ยให้ไปถามฝ่ายชายด้วยอีกคน ก่อนยืนยันแฟนหนุ่มแมนทั้งแท่ง ไม่ใช่เกย์ร้อยเปอร์เซ็น แย้มเพื่อนเพศที่สามคอนเฟิร์มชัวร์ป๊าบ!!! ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทำโทรศัพท์มือถือหาย กลัวคลิปสวีทหวานกับหวานใจหนุ่ม “วินนี่” หลุดมั้ยหรือเปล่า ดาราสาวรีบโบ้ยทันทีว่า “ก็มีภาพกับวินนี่ด้วย ไม่มีอะไร ก็ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวเขา (มีจุ๊บกันมั้ย?) ไม่มีค่ะ มั่นใจว่าไม่มีภาพน่าเกลียด เพียงแต่ว่าอยากได้โทรศัพท์คืน (หัวเราะ) เสียดายค่ะ (กลัวมีภาพหลุดมั้ย?) หลุดมั้ย...คงจะหลุด แต่ถามว่าเป็นภาพหลุดมั้ย นกไม่ได้ซีเรียสเลย เพราะว่ามันเป็นภาพที่สามารถจะโชว์ให้พี่ๆ ดูได้ เพราะมันเป็นภาพไปเที่ยวค่ะ แล้วก็มีแต่ภาพหนูนอนหลับแล้วอ้าปาก อย่างมากสุดก็มีโพสต์ท่าในทะเล มีกระโดด มีอุ้ม ไม่ได้กอดกัน หอมแก้มก็ไม่มีค่ะ ไม่มีติดเรทค่ะ (หัวเราะ)” พอถามต่อว่าปกติเป็นคนค่อนข้างระวังตัวอยู่แล้วด้วยหรือเปล่า ถึงไม่กล้าถ่ายรูปทิ้งไว้ในโทรศัพท์มือถือ ดาราสาวฟุ้งว่า “ปกติไม่ใช่คนถ่ายรูปอยู่แล้ว แต่นี่ก็คือไปเที่ยวก็คือธรรมดา ไม่ได้มีไปถ่ายในที่ลับ อันนี้มันเป็นทะเล ก็มีคนอยู่เยอะแยะ (ย้ำภาพเป็นแฟนกัน?) ถามว่าเป็นแฟนกันมั้ย...ก็คบเขาคนเดียวอ่ะคะ ก็น่าจะเป็นแฟนมั้ง (หัวเราะ) ก็ตามนั้นค่ะ แต่ต้องไปถามผู้ชายอีกทีนะ (หัวเราะ) คือเขาเป็นคนตลกค่ะ ไม่ได้เป็นคนหวาน ทำให้เราไม่เครียด (มั่นใจมากขึ้น?) ก็ในระดับนึง ก็บอกมาเรื่อยๆ ว่าเราสนิทกันมากขึ้น รู้สึกว่าพอเรียกว่าเป็น “แฟน” กันแล้วมันก็บริสุทธิ์ใจ ยืนยันว่าไม่มีภาพน่าเกลียดหลุดออกมาแน่นอน” ส่วนกระแสข่าวเม้าท์หนาหูว่าหนุ่ม “วินนี่” ไม่ใช่ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ สาว “นก” คอนเฟิร์มเสียงเข้มว่ามั่นใจในความแมน เพราะผ่านการพิสูจน์มาแล้ว!!! “เรื่องเที่ยวบาร์เกย์ไม่รู้ค่ะ ต้องให้เขามาตอบเอง คือเราไปเที่ยวด้วยกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เราก็รู้ค่ะ คือนกจะมีเพื่อนหลายเพศเยอะ เพราะฉะนั้นไม่พลาดค่ะ (หัวเราะ) เรด้าไม่เสียค่ะ นิสัยเขาไม่ใช่อยู่แล้ว (ระแวงมั้ย?) ไม่เป็นไรค่ะ เป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดีก็พอแล้ว (หัวเราะ) นกก็บอกเขาว่าเดี๋ยวเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์เอง เพราะว่าถ้าไม่มีข่าวเป็นเกย์เดี๋ยวเขาก็มีข่าวเจ้าชู้ นกไม่ได้ถามเขา แต่บอกเขาว่ามีข่าวแบบนี้”

Friday, April 10, 2009

อู๋ ยังไม่เลิกแพร แค่ห่าง ๆ

อู๋ ยังไม่เลิกแพร แค่ห่าง ๆ “อู๋” ควง “แพร” ออกงานครั้งแรกหลังห่างกัน เผย สัมพันธ์ทรงตัวแต่ยังไม่ถึงขั้นเลิก ชี้ สาเหตุที่ฝ่ายหญิงทนไม่ไหวคงเพราะเป็นคนขี้หงุดหงิด และอาถรรพ์ 7 ปีก็มีส่วน บอกกำลังปรับปรุงตัว ก่อนป้องแม้จะสนิทกับ “โบว์” แต่ไม่ใช่มือที่สาม ยกสาวแพรยังเป็นที่หนึ่ง แอบหวังความรักจะกลับมาดีเหมือนเดิม หลังจากนางเอกสาว “แพร พรรัมภา สุขได้พึ่ง” ออกมาเผยถึงสาเหตุที่เว้นระยะห่างกับแฟนหนุ่ม “อู๋ นวพล ภูวดล” ว่าไม่ใช่เป็นเพราะสาว "โบว์ ภคมน เจริญวโรดม" นักแสดงในสังกัดสปีดวันเข้ามาเป็นมือที่สาม แต่สาเหตุที่ทำให้ระหองระแหงกัน เพราะทนปัญหาเดิมๆ ของฝ่ายชายไม่ได้มากกว่า ล่าสุดเห็นหนุ่มอู๋ควงสาวแพรมาร่วมงานเครื่องสำอาง Sisley ที่โอเรียลเต็ล ซึ่งเป็นงานที่ทั้งคู่ออกงานร่วมกันเป็นงานแรกหลังจากห่างกัน หลายคนเลยอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันแล้วหรือเปล่า? ซึ่งกับเรื่องนี้หนุ่มอู๋เป็นคนออกมาเคลียร์ว่า.... “พอดีวันนี้รับปากพี่ที่เขาเชิญแขกไว้ ก็เลยต้องมาด้วยกันครับ แต่ก็ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราออกงานด้วยกัน ความรักของผมกับแพรตอนนี้ก็ยังทรงๆ ครับ ผมกับแพรยังไม่ได้ถึงขั้นเลิกกันหรอกครับ มันยังไม่ได้ถึงขนาดนั้น ตอนนี้อยู่ในช่วงดูๆ กันก่อนแต่อาจจะห่างกัน แต่ยังไม่ถึงขนาดเลิกกัน ถอยห่างกันนิดหนึ่งเพื่อค้นหาตัวเองว่าเราต้องการอะไร” “จริงๆ ผมว่าที่แพรถอยห่างออกจากผม เพราะทนพฤติกรรมผมไม่ไหว คำนี้ผมว่ามันดูรุนแรงไปผมว่าแพรเขาคงทนนิสัยอะไรบางอย่างไม่ได้มากกว่า ซึ่งตรงนี้สำหรับเราอาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่มันสะสมๆ แล้วมันก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา ซึ่งตรงนี้ผมก็รู้ตัวก็เข้าใจเขานะครับ แต่ถ้าแก้ได้มันก็ดีกับผมดีกับเขาด้วย นิสัยที่มักจะทะเลาะกันผมคิดว่าน่าจะเป็นตรงที่ผมขี้หงุดหงิดมั้งครับ พูดอะไรไปไม่ค่อยคิด บางทีเหมือนกับพูดไปแล้วไปทำลายน้ำใจเขาไปบั่นทอนกำลังใจ” ยันสาวแพรยังเป็นที่หนึ่ง แต่ยอมรับสนิทกับสาวโบว์จริงแต่ป้องไม่ใช่มือที่สาม “ณ ตอนนี้ผมก็พยายามปรับปรุงตัวอยู่ แต่ว่าบางทีด้วยความที่มันไม่ได้คิดอะไรบางทีคนข้างๆ ตัวอาจจะมองข้ามไป คนที่ห่วงเรา ช่วยดูแลเราทุกอย่างกลับพูดไม่ดีกับเขา ณ ตอนนี้ผมยืนยันได้เลยว่า น้องแพรยังเป็นที่หนึ่งสำหรับผม ภาพน้องคนนั้น(โบว์)กับผม จริงๆ น้องเขาไม่เกี่ยวนะ มันเป็นที่ผมเอง เขาไม่ใช่มือที่สามด้วย ผมยอมรับว่าผมสนิทกับเขาแต่บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรเกินลย ผมกับเค้าก็เป็นได้แค่พี่น้อง” “ผมไม่ได้หลอกนักข่าวว่าเรายังไม่เลิกกันนะครับ ผมก็ยังปกติกับแพรอยู่ วันนี้ก็มาด้วยกัน ผมก็มีบอกน้องแพรไปเหมือนกันว่าตอนนี้เราอย่าเพิ่งใกล้กัน ผมเป็นคนบอกเขาเองนะ คืออยากให้เขาดูพฤติกรรมเรา ว่าเราจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาได้มั้ย ผมเองพยายามใส่ใจแล้วก็รักษาน้ำใจกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน” เชื่อ 7 ปีอาถรรพ์ ยันไม่ได้สร้างสถานการณ์เพื่อโปรโมตตนเอง “ผมกับเขาคบกันมา 7 ปีแล้วครับ ถึงได้เชื่อเรื่องอาถรรพ์ 7 ปี ที่ผมเชื่อเพราะมันพอดีมั้งครับ เพราะพอมีอย่างพี่ๆ คอยเตือนเราเรื่องระวังอาถรรพ์นะ แล้วพอเจอกับตัวก็เลยต้องเชื่อแล้วแหล่ะ จริงๆ อยากฝากถึงคู่รักคู่อื่นๆ ด้วยว่าพยายามอย่ามองข้าม เรื่องที่มันละเอียดอ่อนเล็กๆ น้อยๆ ผมเข้าใจบางทีฟิวส์ผู้ชายอาจจะมองข้ามไปแต่ผู้หญิงเขาละเอียดอ่อนมากกว่า เราพยายามใส่ใจตรงนี้ให้มันลึกๆ หน่อย” “ผมเองไม่เคยคิดจะสร้างสถานการณ์เพื่อโปรโมตตัวเองหรอก ไม่ๆๆ ไม่เด็ดขาด ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะครับที่มันตึงๆ ผมเองก็ไม่เคยต้องมานั่งโปรโมทมันอึดอัด หลังจากนี้ผมคาดหวังว่าความรักของผมกับแพรผมว่ามันต้องดีขึ้นครับ”

ความรักของชิน ชินวุฒ

ถึงไม่หล่อขั้นเทพ แต่ความเร้าใจเกินพิกัด ชิน-ชินวุฒ อินทรคูสิน นักร้องหนุ่มค่าย แกรมมี่ ถ่ายทอดรักซึ้งๆ กินใจ ผ่านเพลง “ความจำเสื่อม” ในอัลบั้มใหม่ Maybe I'm bad ที่ตรงกับชีวิตรักเอามั่กมาก “ความพิเศษของเพลงนี้คือเนื้อหาเพลงที่ตรงกับชีวิตความรักของชิน คือชินเคยเล่าเรื่องความรักของชินที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนให้โปรดิวเซอร์ฟังแล้วเค้าเอามาแต่งเป็นเพลง ชินได้อ่านเนื้อบอกได้เลยว่าซึ้งมาก แทบจะร้องไห้เลย โดนมากๆ มันเป็นเรื่องคำสัญญาของคนสองคนที่ว่าเราจะไม่มาเจอกัน ไม่คุยกัน แต่บางครั้งเราสองคนก็อาจจะลืมคำสัญญานั้นไปเหมือนความจำเสื่อม กลับมาคุยกัน เป็นเพลงที่คอยเตือนใจชินเกี่ยวกับความรักในอดีตเหมือนกัน”.

Thursday, April 9, 2009

การ์ตูน ชิ่งตอบคำถาม เคยแต่งงานมาก่อน

การ์ตูน ชิ่งตอบคำถาม เคยแต่งงานมาก่อน แหกตามิสทีนไทยแลนด์ ภาพแต่งงานสาวหน้าคล้าย "การ์ตูน" หลุดประจาน การ์ดระบุแต่งปี 46 ปีเดียวกันกับที่เจ้าตัวเข้าประกวด ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ด้านสาวการ์ตูนรีบชิ่ง โทร.ยกเลิกงานวันนี้ อ้างล้มป่วยปวดท้องประจำเดือน เตรียมเปิดอกวันเสาร์ที่ 11 เม.ย.นี้ ขณะที่กองประกวดปัดยังไม่เห็นภาพ บอกรอนำเรื่องเข้าที่ประชุม ก่อนชี้แจงฮือฮาไม่น้อย กับกรณีที่มีภาพหลุดแต่งงานสาวหน้าคล้ายนักแสดงสาว "การ์ตูน อินทิรา เกตุวรสุนทร" กิ๊กคนล่าสุดของนักร้อง "โดม ปกรณ์ ลัม" ซึ่งมีดีกรีเป็นเจ้าของตำแหน่งมิสแฮร์แคร์ จากเวทีประกวดมิสทีนไทยแลนด์ 2003 ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยตกเป็นข่าวใหญ่ ว่าเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่ภายหลังก็ได้ออกมาปฏิเสธ เคลียร์ตัวเองว่าไม่เป็นความจริง ..."เรื่องแต่งงานไม่มีค่ะ ไม่มีอะไร คือข่าวตอนนี้มันเยอะมาก แต่เรื่องนั้นไม่มีหรอกค่ะ ไปกันใหญ่แล้ว กับพี่โดมไม่ค่อยได้คุยเรื่องข่าวเลย มันไม่ใช่ประเด็นเรื่องใหญ่อะไร แต่เขาก็ถามปกติ ข่าวนั้นข่าวนี้ถามไปเรื่อยแต่ก็ไม่มีอะไร ก็คุยกันปกติ แต่ก็ไม่เห็นพี่โดมจะซีเรียสอะไรนะคะ คงต้องไปถามเขาแต่ก็เห็นเขาชิลๆ นะ"กระทั่งล่าสุดภาพดังกล่าวได้ไปโผล่หราบนปกนิตยสารแนวปาปารัสซีชื่อดังเล่มหนึ่ง ซึ่งมีจำนวน 2 รูป ลักษณะเหมือนการ์ดแต่งงาน ถ่ายคู่กับเจ้าบ่าว รูปแรกเจ้าตัวอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาว ส่วนรูปที่สองอยู่ในชุดสีเหลืองสวยงาม พร้อมระบุสถานที่ถ่ายภาพคือร้าน ช่อรักเวดดิ้ง สตูดิโอแต่ที่ทำเอาฮือฮาเห็นจะเป็นเนื้อหาในการ์ด ที่ระบุวันงานชัดเจน คือวันที่ 4 กันยายน 2546 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เจ้าตัวเข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันว่าคุณสมบัติของคนที่จะเข้าประกวดเวทีนี้ต้องเป็นสาวใสวัยทีนอายุระหว่าง 15-18 ปี ที่มีความสวยสดใสตามวัย ซึ่งถ้าหากภาพดังกล่าวเป็นสาวการ์ตูนจริงๆ ก็เท่ากับว่างานนี้กองประกวดถูกแหกตาไปเต็มๆสำหรับข่าวนี้หากเป็นเรื่องจริง นอกจากเจ้าตัวจะมีปัญหากับทางกองประกวดแล้ว อาจจะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์กับหนุ่มโดมไม่น้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้นักร้องหนุ่มเคยประกาศไว้ว่า หากสาวการ์ตูนเคยแต่งงานมาแล้วไม่ยอมบอกความจริง ตนคงรับไม่ได้แน่นอน ..."ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเราก็ไม่ถืออะไรอยู่แล้ว แต่เราก็คุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ บางทีเรายังหยุดคิดเลยว่าเราควรจะพัฒนาเพราะว่าเราคุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ คุยเปิดกันมาก แค่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงต้องส่งแน่ ที่ส่งเพราะส่วนหนึ่งเขาไม่บอกผมด้วยครับ และโดยส่วนตัวที่ผมเข้าไปเป็นอะไรที่ผมเปิดเผยมาก ผมคุยกับเขาเดือนกว่าสื่อมาถามผมก็พูดตรงๆ ผมก็คิดว่าเขาก็น่าจะเปิดเผยกับผมในทุกเรื่องเหมือนกัน ถ้าเกิดมากั๊กไม่บอกก็คงต้องส่งเหมือนกัน"อย่างไรก็ตาม "ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้ติดต่อไปยังผู้จัดการกองการประกวดมิสทีนฯ เพื่อสอบถามถึงข่าวคราวดังกล่าว ซึ่งก็รับคำตอบว่า ผู้ใหญ่ของกองประกวดยังไม่เห็นภาพ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอดูข้อมูลและสอบถามเจ้าตัวก่อนนำเรื่องเข้าปรึกษาหารือกัน แล้วถึงจะมีการชี้แจงภายหลัง ขณะที่ผู้ดูแลมิสทีนฯ ออกโรงป้องว่าน่าจะเป็นคนหน้าเหมือนมากกว่า พร้อมเผยตอนนี้สาวการ์ตูนล้มป่วย และกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จึงต้องยกเลิกงานที่ ภัทราวดีเธียเตอร์ ในวันนี้กะทันกันแต่จะมีการเปิดแถลงข่าวเปิดใจในวันเสาร์ที่ 11 เม.ย. นี้ กลางงานซ้อมใหญ่การแสดงละครมหาสงกรานต์ที่สยามพารากอนสำหรับ "การ์ตูน อินทิรา" เป็นสาวลูกครึ่งไทย-เยอรมนี วัย 21 ปี เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2530 ปัจจุบัน กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ เอกการโฆษณา การ์ตูนเข้าวงการโดยการเข้าร่วมการประกวด "มิสทีนไทยแลนด์ 2003" และได้รับรางวัลมิสแฮร์แคร์ จากการประกวดมิสทีนฯ ไปเพียงรางวัลเดียวหลังจากนั้นเจ้าตัวได้ประเดิมละครเรื่องแรกคือ "รักได้ไหมถ้าหัวใจไม่เพี้ยน" ต่อมาก็เล่นบทเด็กสาวน่าสงสาร จากเรื่อง "เกิดแต่ตม" และผันตัวเองมาเล่นบทร้ายในเรื่อง "สายรัก สาละวิน" แต่เรื่องที่ส่งให้เจ้าตัวแจ้งเกิดจริงๆ คือเรื่อง "ขิงก็รา ข่าก็แรง" และที่เพิ่งลาจอไปก็คือเรื่อง "เมียหลวง" นอกจากนี้สาวการ์ตูนเคยออกอัลบั้มเพลงร่วมกับเพื่อนและรุ่นพี่มิสทีนไทยแลนด์ ชื่ออัลบั้มว่า "Missteen Thailand Gang" นอกจากนี้ยังเคยแสดงมิวสิควีดีโอและมีงานถ่ายแบบ งานโฆษณา อีกหลายชิ้นก่อนจะตกเป็นข่าวว่าเคยแต่งงานมาแล้วตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งถ้าภาพดังกล่าวเป็นการ์ตูนจริง ก็แสดงว่าเจ้าตัวแต่งงานตั้งแต่ขณะอายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น

การ์ตูน โดนปล่อยรูปแฉ เคยแต่งงาน


การ์ตูน โดนปล่อยรูปแฉ เคยแต่งงาน ไหนว่ายังโสดซิงวัยยังเอ๊าะๆ เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากหน้าหลายตา ไม่เว้นแม้แต่นักร้องหล่อขั้นเทพ โดม-ปกรณ์ ลัม ที่มาติดบ่วงเสน่หาหลงละเมอหัวปักหัวปำ กับใบหน้าแสนจะใสซื่อของน้องการ์ตูน-อินทิรา คนนี้ด้วย แต่งานนี้น้องการ์ตูนคนงามทำงามหน้าแล้วมั้ยล่ะ เมื่อมีมือดีแต่ประสงค์ร้าย (รึป่าว?) ปล่อยภาพสมัยยังละอ่อนใส่ชุดแต่งงานเป็นเจ้าสาวนั่งเคียงคู่หนุ่มผมยาวในมาดเจ้าบ่าว พร้อมมีการระบุใต้ภาพว่า "แทนคำขอบคุณ การ์ตูน-หนึ่ง 4ก.ย.46" และมีโลโก้ของ "ช่อรัก เวดดิ้ง สตูดิโอ" ที่เป็นผู้บันทึกภาพนี้อยู่มุมด้านล่างขวามือ ซึ่งใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อถึงบางอ้อว่า นี่คือการถ่ายภาพเวดดิ้งประกอบงานแต่งงานชัดๆ

ก็ไม่รู้รูปหลุดครั้งนี้จะทำให้สาวการ์ตูนเวียนเฮด ถึงขั้นล้มป่วยจนโดนหามส่งโรงพยาบาลอีกรอบหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยปฏิเสธเสียงแข็งมาแล้วว่า ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อนเพราะยังเด็กอยู่ แม้จะมีกระแสข่าวลือหนาหูก็ตาม อีกทั้งภาพเซ็ทนี้อาจทำให้ "โดม" เกิดอาการเซ็งเป็ดที่สุดในชีวิตโลก แม๊....จะจีบสาวทั้งที ทำไม๊...ถึงมีแต่คนไม่โสดแอนด์สดจริงอย่างปากว่าฟะ!!!!!

Wednesday, April 8, 2009

หนุ่ม กรรชัย” ฟ้องแบ่งสมบัติ 100 ล้าน

หนุ่ม กรรชัย” ฟ้องแบ่งสมบัติ 100 ล้าน และพี่ชายต่างมารดา หลังไม่ยอมแบ่งสมบัติ 100 ล้าน ของ “พ่อ” ที่เสียชีวิตไปแล้ว เจ้าตัวสุดเครียดจนล้มป่วย เผยที่ผ่านมาคู่กรณีเล่นบทขอมดำดิน แถมยังดอดไปโอนทรัพย์สินบางส่วนให้กับทายาทคนอื่น สุดทนจำพึ่งบารมีศาล นอกจากคลอเรสเตอรอลจะขึ้นสูง ป่วยเป็นโรคความดัน ส่งผลให้ไตทำงานผิดปกติตัวบวมน้ำหนักพุ่งสูงขึ้นถึง 20 กิโล จนหมอต้องสั่งลดน้ำหนักและงดอาหารที่เป็นแป้งและไขมันทุกชนิดแล้ว ล่าสุด “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ก็ยังซวยซ้ำซากยื่นฟ้องแม่เลี้ยง “นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย” และ “นายอัคระ กำเนิดพลอย” พี่ชายต่างมารดาเป็นจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและจัดแบ่งมรดกของ บิดา “นายประกอบ กำเนิดพลอย” หลังจากที่คู่กรณีไม่ยอมแบ่งมรดก ซ้ำยังโอนทรัพย์สินบางอย่างไปเป็นของทายาทคนอื่นและบุคคลอื่น รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดร่วม 100 ล้าน ล่าสุดหนุ่ม กรรชัยก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า จำเป็นต้องฟ้องร้องเพื่อทวงถามความยุติธรรม และยอมรับว่าเครียดจัดจนเป็นสาเหตุของการป่วย “อย่างที่มีข่าวออกไปว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วคุณพ่อได้เสียชีวิตไป และทางตัวผมและพี่ๆ น้องๆ ก็ได้มีทางลงชื่อให้คุณแม่เลี้ยงมาเป็นผู้จัดการมรดก หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป 3 ปีตัวผมก็ยังไม่เห็นบัญชีรายชื่อทรัพย์มรดกคุณพ่อว่ามีอะไรบ้าง ก็เลยมีการให้คนไปทวงถามก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา สุดท้ายก็เลยให้ทนายช่วยเชคดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยรู้มาว่ามีการโอนย้ายที่ดินบางแปลงไปใส่ชื่อของทายาทบางคน โดยตามกฎหมายแล้วมันต้องมีการแบ่งทุกอย่างให้เท่าเทียมกัน และต้องมีการส่งศาลให้รับรู้แต่ก็ไม่มีการส่งถึงศาล ให้ผู้ใหญ่ไปทวงถามอีกครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมาก็เลยต้องพึ่งบารมีศาล” “ตอนนี้คดีความของทรัพย์สินมรดกจะขาด 5 ปีแล้วนี่ผ่านมา 4 ปีกว่าแล้วถ้าเกิดปล่อยต่อไปกลัวว่าจะลำบากก็เลยคิดว่าขึ้นศาลดีกว่า แต่สิ่งที่ผมทำไปผมต้องขอบอกก่อนว่า ผมไม่ได้มีเจตนาที่อยากจะฟ้อง คือทั้งหมดมันเป็นเรื่องของความเป็นธรรม ผมไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมไม่รู่ว่าจะแพ้หรือชนะหรือจะอะไรก็ตามแต่ก็ต่อสู้กันต่อไป” “4 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดไม่เคยเรียกร้องอะไรต่อฝ่ายนั้นเลย ไม่มีพูดออกทางสื่อ แต่มีพี่สื่อหลายๆ คนก็มีถามเหมือนกันประเด็นนี้ ผมก็บอกว่ามันเป็นเรื่องภายในครอบครัวถ้าหลุดออกมาเกรงว่าจะไม่ดี ผมขออนุญาติที่จะไม่พูดดีกว่า ผมพยายามที่จะเลี่ยงอย่างนี้ตลอด หรือแม้กระทั่งมีคนมาถามผมว่าสุขภาพร่างกายตอนนี้เป็นไง ที่เครียดคิดมากเกิดจากสาเหตุนี้หรือเปล่า ผมก็บอกว่า เรื่องอื่นๆ ในชีวิตผมไม่ใช่เรื่องใหญ่มันมีเรื่องใหญ่กว่าสำคัญกว่านั้น ที่จริงที่ผมเครียดก็คือเรื่องนี้แหละครับ เพียงแต่ผมไม่ได้พูด” สำหรับทรัพย์สินมรดกที่ “หนุ่ม กรรชัย” ยื่นฟ้องแม่เลี้ยงและพี่ชายไปนั้นมีมูลค่านับ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว “ทรัพย์สินประมาณ 100 ล้านมีที่ดินที่ชุมพร กรุงเทพ จริงๆ มันมีเยอะอย่างที่ควรต้องมี อย่างรถยนต์ เงินสดในธนาคาร คือถ้าพูดไปอันนี้จะสำคัญ คือคุณพ่อผมเป็นนักเล่นพระสะสมพระที่คนในวงการรู้จักดี และก็รู้ว่าพ่อผมมีพระอะไรที่เก็บสะสมไว้บ้าง และยังมีพระที่นำออกไปโชว์กับหนังสือต่างๆ แต่มาวันนี้พระต่างๆ วัตถุมงคลต่างๆ ได้ไปโผ่ลในมือคนอื่น ซึ่งผมเองก็เคยเห็นมากับตา เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันเป็นทรัพย์กลางที่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะต้องถูกแบ่งปันให้ชัดเจน แต่มาถึงตรงนี้แล้วมันหายไปโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ เพราะฉะนั้นมันก็คงต้องมีการดำเนินการกันต่อไปว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ก็แค่นั้นเองแหละครับ” เผยยินดีจะประนีประนอมแต่ไม่รู้ว่าฝ่ายคู่กรณีจะยินดีหรือไม่ “เราไม่ได้คุยกันมานานประมาณ 3 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นก็ยังคุยกันปกติไม่มีอะไร ผมเองก็ไว้ใจและไม่คิดว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่พอมันมีแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ก็อย่างที่บอกพอไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องมีการต่อสู้กันในชั้นศาล” “เรื่องประนีประนอมผมยินดี ผมไม่อยากให้ต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย การประนีประนอมคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว น่าจะมีการไกล่เกลี่ยกันออกมชอมกัน แต่ผมก็ไม่ทราบว่าทางนั้นจะคิดยังไง แต่ทางผมเองที่ผมฟ้องเพราะผมทวงถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบมาเลย เพราะฉะนั้นมันก็เลยต้องไปกันในทางนี้เพื่อที่จะได้มีการพูดคุยและตอบรับกันไปมาได้” “ตอนนี้ทางศาลท่านก็ได้มีการพิจารณาอายัดทรัพย์สินเอาไว้ และวันที่ 20เมษายนนี้จะเป็นการขึ้นศาลนัดแรกซึ่งผมต้องไป ก็ต้องต่อสู้ไป หลายคนอาจจะมองว่าการฟ้องต้องมีเงินหรือเปล่า ผมก็อยากจะบอกว่า ผมเองก็ทำงานอยู่ตรงนี้ในวงการบันเทิง และสุดท้ายก็อาจจะมีอาชีพอื่นๆ ที่อาจจะมารองรับ อย่างตอนนี้ผมก็เปิดไอซ์มอนเตอร์อยู่ แต่ต่อไปในอนาคตผมอาจจะต้องป่วยใช้เงินมากๆ ในการรักษาตัว คือบางครั้งผมคิดว่า ทรัพย์มรดกของคุณพ่อที่มีทำเอาไว้ให้ผม ผมว่าน่าจะเอามาช่วยต่อชีวิตผมได้ในบั้นปลายชีวิต” “ผมอยากให้เรียนนี้จบอย่างเป็นธรรม ส่วนความรู้สึกผมบอกตรงๆ ว่า ผมเสียความรู้สึกมากกว่าอีกฝ่ายแน่ และผมตัวคนเดียว ผมอยู่คนเดียวจริงๆ ไม่ได้มีใคร เพราะฉะนั้นเวลาผมจะปรึกษาใครผมไม่มีที่ปรึกษาไม่มีคุณแม่คอยให้คำปรึกษาแล้ว แต่อีกฝ่ายหนึ่งยังมีแต่ของผมไม่ใช่อย่างนั้น”

พลอย ยอมขอโทษแพม

พลอย ยอมขอโทษแพม จบแบบแฮบปี้!!! "พลอย+แพม" กลอดกันกลม! หลัง "พลอย ลิตเติ้ลวอยซ์" เอ่ยขอโทษออกสื่อ ส่วน "แพม ปานพิมพ์" ยอมถอนแจ้งความ! ปิดคดีศึก hi5 ลงในที่สุด... ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(8 เม.ย.) นักร้องสาว "พลอย - ณัฐชา สวัสดิ์รักเกียรติ" ได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อ "นายยงยุทธ สวัสดิ์รักเกียรติ" ทนายส่วนตัว "นายธนากร แหวกวารี" พร้อมด้วยแฟนหนุ่ม "ป๊อป - ทศพล สมิงวรรณ" ต้นตอของเรื่องทั้งหมด ออกมาแถลงข่าว พร้อมเอ่ยขอโทษ! "แพม - ปานพิมพ์ เตชะธนะชัยพัฒน์" ที่เดินทางมาพร้อมกับแม่ "นางอภัสนันท์ เตชะธนชัยพัฒน์" และ ทนาย "วสุ ประสานเมตตา" ชนิดเผชิญหน้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.นี้เป็นตันไป ทางนักร้องสาว "พลอย" จะต้องลงคำขออภัย และขอโทษ ในหนังสือพิมพ์ ข่าวสด, สยามดารา, แนวหน้า และดาราเดลี่ เป็นจำนวน 3 ฉบับด้วยกัน ซึ่งทำให้ด้านนักแสดงสาว "แพม" รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงได้มีการถอนฟ้องในคดีนี้แล้ว หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ออกมากอดกันโชว์!!! เพื่อเป็นการยืนยันว่าศึก hi5 จากต้นเหตุรักสามเศร้าในครั้งนี้จบลงด้วยดีแล้วนั่นเอง ซึ่ง "พลอย" และ "แพม" ได้ร่วมกันชี้แจงในช่วงที่แถลงข่าวดังนี้ พลอย "วันนี้ก็คือมาเพื่อให้เคลียร์ทุกอย่าง พลอยก็เสียใจมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษแพมแล้วก็ทางคุณแม่ของแพม และครอบครัวไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนเหมือนกันก็ขอโทษจริงๆ คะ ที่พลอยใช้คำที่ไม่สุภาพพูดพาดพิงถึงแพมในไฮไฟว์ของพลอยซึ่งพอเกิดเหตุการ์เรื่องนี้ขึ้นก็ทำให้มีความเสียหายถึงครอบครัวแพมรวมถึงมีความเสียหายกับคนรอบข้างมากมาย เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พลอยเสียใจมากๆก็เป็นบทเรียนว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะว่าตอนนั้นพลอยก็ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจด้วยคะ ต่อไปจะคิดให้รอบคอบเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น เรื่องนี้ก็จะเป็นบทเรียนและไม่มีอีกแล้วค่ะ" ตอนที่คอมเม้นท์ในไฮไฟว์ตอนนั้นคิดอะไรอยู่? พลอย "อย่างที่พลอยเคยบอกคือตอนนั้นเป็นอารมณ์ใช้อารมณ์จริงๆ ถ้าพลอยไม่ใช้อารมณ์ตอนนั้นคงไม่มีเรื่องบานปลายมากมาย เรื่องอะไรก็ไม่รู้โผล่มาขนาดนี้ (ทำไมถึงใช้คำที่มันรุนแรงขนาดนั้น?) วันนี้เรามาเพื่อเคลียร์ทุกอย่างให้จบ ขอไม่พูดถึงดีกว่าว่าตอนนั้นมันเป็นยังไง เอาเป็นว่าตอนนั้นพลอยก็ใช้อารมณ์ด้วย (หรือว่าเป็นเพราะเห็นภาพแพมกับป๊อบ?) (หัวเราะ) เรื่องนั้นคงไม่พูดถึงเพราะว่า พูดไปมันไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะว่าถ้ามันเป็นเพราะพลอยไม่ใช้อารมณ์ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว" นอกจากกระทบ "แพม" แล้วกระทบภาพลักษณ์ "พลอย" ด้วยไหม? พลอย "อืม ผลเสียตามมามากมาย คือทุกคนก็มองทั้งพลอย ทั้งแพม ครอบครัวเกิดความลำบาก มากเลยค่ะ จริงๆทั้งพลอย ทั้งแพม ต้องเจอแรงกดดันว่าเรื่องมันเป็นยังไง ทำไม รวมถึงเราไม่สามารถจะบอกให้ใครคิดกับเรายังไง มีทั้งคนที่ชอบเราและไม่ชอบเราอยู่แล้ว พอมีเหตุการณ์อย่างนี้ก็คิดว่าทั้งพลอย ทั้งแพมคงมีปัญหาเรื่องเวลาทำงาน อาจจะต้องหยุดงานไป" แพม "วันนี้พลอยมาขอโทษแล้วหนูก็รับคำขอโทษแล้ว และก็ให้อภัยในสิ่งที่เขาทำทุกอย่างไป ในเมื่อเขาทำผิดและยอมรับผิด หนูก็ให้อภัยในสิ่งที่เขายอมรับผิดคะ (ตอนนั้นที่เราเห็นข้อความรู้สึกยังไง?) ก็รู้สึกงงๆ ค่ะ ก็ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงว่าเรา แต่ว่า ณ วันนี้ทุกอย่างมันก็เคลียร์ ก็จบแล้ว ไม่อยากพูดถึงเรื่องเก่าๆ แล้ว อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็อยากจะให้มันผ่านไป ไม่อยากจะเก็บไปคิดเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี (แล้วมีผลกระทบอะไรบ้าง?) ก็หลายๆ อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปค่ะ" นอกจากนั้นทั้งคู่ยังได้มีการให้สัมภาษณ์นอกรอบอีกครั้ง... วันนี้ออกมายอมรับผิดยังไงบ้าง? พลอย "ก็ในเรื่องไฮไฟว์น่ะค่ะ พลอยก็เสียใจแล้วก็อย่างที่บอกไป อย่างที่แถลงข่าวไปก็คือขอโทษแพม และครอบครัว ที่ทำให้พอมันมีเหตุการณ์ในไฮไฟว์ที่พลอยใช้อารมณ์เนี่ย ก็เกิดทำความลำบากใจ ทำความเสียหายกับทางครอบครัวแพม และครอบครัวพลอยด้วย" ติดใจอะไรไหม? แพม "ไม่แล้วค่ะ คนเราทำผิดก็ต้องขอโทษ ก็ให้อภัยค่ะ" ที่ผ่านมาเคลียร์กันนานไหมกว่าจะจบอย่างวันนี้? แพม "ก็ไม่นานค่ะ" ก่อนหน้านี้เคยคิดไหมว่าจะเคลียร์กันได้? พลอย "ก็ เรื่องนี้เอาเป็นว่ามาเคลียร์แบบนี้มันก็เคลียร์กว่า เพราะว่าจะได้ไม่ต้องมี เรื่องราวว่ามีนู่นนี่พาดพิงอะไรอย่างนี้ค่ะ เพราะว่าอย่างนี้ก็คือออกมาให้เห็นว่ามาเคลียร์กันจริงๆ" เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ยังไง? พลอย "สำหรับพลอยก็คือต้องจำเป็นบทเรียนเลยค่ะว่าต้องไม่ใช้อารมณ์ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับพลอย จะเป็นยังไงน่ะ พลอยก็ต้องรอบคอบกว่านี้แล้วก็ต้องไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจทำอะไรค่ะ" ภาพตั้งแต่ต้นมาถึงวันนี้มันต่างกันมาก? แพม "คือเราก็เข้าใจกันแล้วน่ะค่ะ ว่าสิ่งที่ทำไปมันเพราะอะไร อะไรอย่างนี้ค่ะ" ตอนนั้นคิดยังไงที่เอาภาพ "ป๊อป+แพม" เข้าไปไว้ในไฮไฟว์? แพม "ก็คือไม่ได้คิดอะไรค่ะ รูปเพื่อนคนหนึ่งแบบ อย่างที่บอกไปแล้ว (ตั้งใจ หรือเจตนาอื่น?) ก็คือมันก็เป็นอัลบั้มที่อยู่ในอัลบั้มเฟรนด์ที่ย้ายมาจากอัลบั้มคู่แพมเอง" มันก็ไม่มีอะไร แต่ตอนนั้นเราแรงไปเลย? พลอย "ไม่ค่ะ คิดว่ามันก็ไม่ใช่สาเหตุด้วยแต่เอาเป็นว่าทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว" อย่างนี้แสดงว่ามีเรื่องอื่นเป็นต้นเหตุ? พลอย "เอาเป็นว่าเราเคลียร์หมดแล้วดีกว่าค่ะ ไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ" แพม "เรื่องมันผ่านไปแล้วค่ะ ให้มันผ่านไปดีกว่าค่ะ" หลังจากนี้จะพูดคุยกันได้เหมือนเดิม? พลอย "ก็ปกติค่ะ" แพม "ปกติ ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ" ใครเป็นคนไกล่เกลี่ยให้? พลอย "จริงๆ ทางผู้ใหญ่ก็มีพูดคุยกันด้วยนะคะ แล้วก็มีการคุยกัน แล้วก็ทุกอย่างก็เลยออกมาเป็นอย่างวันนี้ที่เห็น ก็คือทุกอย่างจบลงแล้ว ตอนผู้ใหญ่คุยกันเราก็ไม่ได้อยู่ในตอนนั้นน่ะค่ะ" เสียมากกว่าได้ไหม? แพม "มันก็ต้องมีเสียอยู่แล้วน่ะค่ะ" พลอย "เอาเป็นว่าของพลอยก็คือ เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วก็เอาเรื่องนี้เป็นบทเรียนแล้วก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วค่ะ" อยากจะบอกอะไรกับน้องๆ เยาวชนหรือใครไหม? แพม "มันต้องมีบ้างเพราะว่าไฮไฟว์เขาเล่นกันเยอะ" พลอย "ใช่ค่ะ แล้วก็อยากจะให้ดูพลอยเป็นตัวอย่างก็ได้ค่ะว่าต้องไม่ใช่อารมณ์ในการตัดสินใจ ในเรื่องทุกอย่างนะคะต้องคิดก่อน ต้องรอบคอบ แล้วก็รักคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองให้มากๆ" แพม "ก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ วันนี้มาก็ทุกอย่างก็จบค่ะ เคลียร์ คุยกันเข้าใจค่ะ" วันนั้น "แม่แพม" ร้องไห้? พลอย "ก็พอทราบดีค่ะ พลอยไม่ได้ติดตามแต่มีคนบอกมาเหมือนกันค่ะ (เข้าไปขอโทษ?) ตอนนี้ยังไม่ได้เจอคุณแม่ค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้คุย แต่แน่นอนค่ะต้องเข้าไปขอโทษแน่นอน"

Tuesday, April 7, 2009

ไม่สน บทนางร้าย กบ ขอเป็นนางเอกตลอดกาล

นางเอกสาว กบ-สุวนันท์ ไม่สนบท “นางร้าย” แม้จะถูกฟาดหัวด้วยเงินก้อนโตกว่าบท “นางเอก” หลายเท่าก็ตาม! ฟุ้งทำงานเพราะอยากทำ ไม่ใช่ทำเพราะเงิน!! ลั่นอยากให้แฟนละครติดภาพ “นางเอก” ไปตลอดกาล เผยรับไม่ได้ที่ต้องเห็นตัวเองเล่นร้าย เนื่องจากเกิดในยุคนางเอกโดนรังแกมาตลอดชีวิตในวงการบันเทิง มั่นใจแฟนคลับหนุนหลังไม่อยากให้เล่นร้าย ก่อนฟุ้งพักงานละครยาว หันมามุ่งหน้าเรียนภาษาเพิ่ม และเล่นกีฬามากขึ้น รวมถึงแบ่งเวลาไปปรนนิบัติพัดวีสามีสุดที่เลิฟ บรู๊ค-ดนุพร แบบเต็มตัว!! ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าหลังประกาศงดรับงานละครชั่วคราว นางเอกสาวฟุ้งรู้สึกอิ่มตัว แต่ถ้ามีบทที่ท้าทายความสามารถก็ยินดีรับ แต่ยืนยันไม่ผันตัวไปเล่น “บทนางร้าย” เหมือนบรรดา “นางเอก” หลายๆ คน อย่างแน่นอน!! “มีความตั้งใจว่าต้องเป็นบทที่ดีมากจริงๆ ค่ะ แล้วก็ถ้ามีอะไรที่ท้าทายเข้ามาก็จะรับ เพราะรู้สึกว่าคือเราก็ค่อนข้างอิ่มตัวเหมือนที่กบพูดกับพี่ๆ ไปแล้วเออค่อนข้างอิ่มตัว แล้วถ้ามีอะไรเราก็รู้สึกว่าคิดยังไง เล่นยังไง อะไรอย่างนี้ให้มันมีการบ้านกลับไปทำเยอะๆ อยากท้าทายค่ะ แต่ว่ายังไงก็คงไม่เล่นเป็นตัวร้าย ก็มีติดต่อมมาเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รับ คือตั้งใจค่ะ ตั้งใจว่าอยากเก็บไว้เป็นแบบนี้แล้วด้วยรูปหน้าด้วยตาแล้วก็คงไม่ถนัดแล้วก็คงไม่ คืออยากเป็นนางเอกอยากเก็บภาพนี้ไว้อย่างนี้ คือบางคนก็อาจจะรู้สึกโอ้โหแค่คิด” “กบเชื่อว่าความคิดคนในโลกนี้มันไม่เหมือกัน มันมีทั้งสองด้านสามด้าน บางคนก็อาจจะอยากที่จะเป็นอย่างนี้ก็ได้ บางคนก็อุ๊ย! ฉันอยากหลากหลายบทบาท แล้วแต่คนคิดไม่ได้บอกใครผิดใครถูก แต่สำหรับกบเองกบอยากให้เป็นแบบนี้ กบอยากเก็บคำว่า “นางเอก” ไว้อยากเป็นนางเอกในใจหลายคน ต้องเข้าใจว่ากบเกิดมากับคำๆ นี้ แล้วกบเกิดมาในยุคที่นางเอกถูกรังแกเป็นนางเอกน่าสงสารไม่ใช่นางเอกสู้คน ฉะนั้นแฟนคลับแฟนละครบอกว่าอย่าเป็นๆ แฟนละครที่เป็นผู้ใหญ่บอกกบอย่าเป็นไม่เอาไม่อยากดูกบร้าย ไม่อยากดู ใครจะร้ายให้เขาร้ายอย่าให้กบเป็น เออจริงนะกบไม่ได้เกิดในยุคนี้กบเกิดในยุคที่มีภาพนางเอกอยู่เราภูมิใจ” พอถามต่อว่า หากทางค่ายติดต่อมาด้วยค่าตัวที่สูงกว่าเรตราคาปกติจะรับมั้ย นางเอกตลอดกาลรีบปฏิเสธทันควัน พร้อมเปรยเสียงเข้มว่า “ไม่ค่ะ กบทำงานด้วยความอยาก ไม่ได้ทำงานด้วยเงินค่ะ จริงๆ ศิลปินน่ะ ทำงานอย่างนี้มาตลอดชีวิตนะคะ คืออาจจะให้ไม่เยอะแต่อยากเล่น เราชอบแฮปปี้กับคนจัดคนจ้างเราก็ทำน่ะ บางคนก็จ้างเยอะ แต่ไม่อยากทำน่ะ ไม่อยากอึดอัดไม่ได้หยิ่งไม่ได้อะไรนะ” นางเอกสาวเปรยต่อถึงเวลาว่างจากการพักละครชั่วคราว หันไปเอาดีทางด้านเรียนภาษาและกีฬา “ตอนนี้เรียนกีฬา เรียนภาษาต่างประเทศ ก็เลยไปหาอะไรทำค่ะ ไม่ได้ซีเรียสว่าโอ้เรียนเพื่อเก่งเพื่อไปพูดหรือเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เรียนไปเรื่อยๆ พอหมดก็เรียนต่อ เรียนตัวต่อตัวสนุกๆ ไปเรียนเทนนิสไปเรียนแบดมินตัน เรียนบาสเก็ตบอล เรียนว่ายน้ำ คือทำเป็นหมดแล้ว แต่อยากออกกำลังกายอย่างรุนแรงเลยต้องมีครูมาคอยบังคับกี่รอบๆ แล้วก็มีเพื่อนคุยกัน คือเวลาที่เราไปเล่นเพื่อนยังไม่เลิกทำงานกัน บางทีเพื่อนเสร็จก็มาจอยกัน บางทีเจอแม่โย (โย-ทัศวรรณ) ก็ชวนแม่โยไปออกกำลังกาย ชวนพี่หมี (ผจก.ส่วนตัว) ไปออกกำลังกาย” ส่วนเรื่องแม่บ้านแม่เรือนอย่างการเรียนทำอาหาร นางเอกสาวรีบโบ้ยไม่ถนัดเลยแม้แต่น้อย “ไม่มีอยู่ในสารระบบเลย ไม่ถนัดจริงๆ (หัวเราะ) แต่ว่าก็เคยอยู่นิดๆ นะไปเรียนทำอาหาร แต่ว่าอยากเรียนทำอาหารไทยไม่อยากเรียนทำอาหารฝรั่งไม่อยากเรียนทำขนมเค้กอะไรไม่อยากเรียน อยากเรียนทำอาหารไทยเพราะคนไทยชอบกินอาหารไทยแล้วอาหารไทยเป็นอาหารที่ทำยาก แต่กบเป็นลูกมือคุณยายมาตลอดแล้วกบก็รู้วิธีการว่าอะไรลงก่อนอะไรลงหลัง ผัดยังไงใส่ยังไงตอนไหนใส่อะไรยกเว้นพวกแกงค่ะ เคยทำต้มยำกุ้งแล้วข๊ม...ขม ขมตะไคร้หรือขมอะไรก็ไม่รู้” พอแซวต่อว่า “พี่บรู๊ค” มีโอกาสชิมฝีมือ “กบ” บ้างหรือยัง เจ้าตัวฟุ้งว่า “คือทำอาหารเป็นเรื่องเป็นราวไม่มี แต่ว่าดึกๆ กลับมาแล้วเด็กที่บ้านนอนแล้วกบก็ทำมาม่าให้กิน ต้มมาม่าใส่ไก่ใส่ผักอะไรอย่างนี้หาอะไรทำไป แต่จ่ายตลาดเองไม่ทุกอาทิตย์แต่กับข้าวหมดเมื่อไหร่ก็ไป ไปโลตัสแล้วก็ไปเดินตลาด แล้วก็ทักทายกันไป ซื้อขนมพี่บรู๊คชอบกินไอ้นี่ที่นี่ (พี่บรู๊คชอบทานอะไร?) กระเพราปลาค่ะเลือดเยอะๆ ขนมก็กินหมด ส้มก็กิน มะม่วงก็ชอบ ชอบกินผลไม้ ชอบกินส้ม มะปรางเฉยๆ มะยมชิดเฉยๆ ชอบกินส้มกับสตรอว์เบอรี่เอามาฝานแล้วใส่น้ำตาล สตรอว์เบอรรี่เชื่อม ส่วนขนมก็ได้ทั่วไป กินขนมไทยไม่ค่อยกินเค้ก (รู้เยอะนะ?) ไม่หรอกค่ะ คือบางวันเขาก็ไม่ค่อยได้กินหรอกค่ะ แต่ว่าไม่อยากให้มันว่าง ถ้าเขากลับมาแล้วไม่มีอะไรกินเลยเรารู้สึกอุ้ยตายแล้วบกพร่อง คือมีไอ้โน่นไอ้นี่ให้เลือกดีกว่า (พยายามไม่ให้บกพร่อง?) ก็พยายามค่ะ ตกบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ”

จูน อึ้ง! กาละแมร์ แขวะพีเค หาแฟนได้แค่นี้เหรอ

จูน อึ้ง! กาละแมร์ แขวะพีเค หาแฟนได้แค่นี้เหรอ ถูกแฟนเก่า กาละแมร์-พัชรศรี แขวะกัดผ่านสื่อ แฟนใหม่อย่าง จูน-ปวีณา เจียมตัวน้อมรับไม่เก่งเท่า แต่เรื่องความสวยโบ้ยแล้วแต่คนมอง ลั่นไม่เคืองเพราะตนเด็กกว่า รับซีเรียสภาพหลุดคู่หวานใจ พีเค แจงนอนบนฟูกไม่ใช่เตียงนอน เผยเป็นฝีมือคนในครอบครัวถ่ายภาพ เปล่าทำตัวไม่ดีแน่นอนทำตัวนิ่งเฉยไม่มีปากเสียงเพราะไม่ใช่ ผู้หญิงแรง แต่นางแบบหน้าเก๋ จูน-ปวีณา รุ่งรัตนวิไล ก็ยังไม่วายถูกแฟนเก่าของหวานใจ พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร อย่างพิธีกรฝีปากกล้า กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ พูดแขวะจิกกัดในวันเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มล่าสุดว่า "พีเคคงหาจนจะหมดบ้านแล้ว ถึงได้เปิดตัวแฟนคนนี้" งานนี้พอเจ้าตัวทราบข่าว ถึงกับทำหน้าอึ้งก่อนตอบว่า"ไม่เป็นไรค่ะ...เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วส่วนจูนเป็นเด็ก พี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นสิทธิ์ของคนที่จะพูดยังไงก็ได้ จูนไม่สามารถไปทำให้เขาพูดดีๆ หรือให้เขาพูดยังไง ใครคิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น จูนยอมรับว่าไม่เก่งเท่าพี่เขา เรายังด้อยประสบการณ์มาก พี่เขาเก่งกว่า จูนคงเก่งได้ไม่เท่าเขา ดังนั้นจูนเลยไม่โกรธไม่เคืองที่พี่เขาจะพูดอย่างนั้น ส่วนเรื่องความสวยสู้ เขาได้มั้ย จูนไม่ทราบจริงๆ ก็แล้วแต่คนมอง (พีเคให้กำลังใจยังไง?) จูนเพิ่งทราบเรื่องนี้ และคงไม่คุยเรื่องนี้กับพี่พีเค เพราะมันไม่มีอะไร ตัวจูนเองก็ไม่ได้รู้จักพี่เขาเป็นการส่วนตัวด้วย"ผู้สื่อข่าวย้อนถามถึงภาพหลุดหวานใจ พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร เอาศรีษะซบอิงแอบเธอบนเตียงนอน ทำให้ถูกเข้าใจผิดและถูกมองไปในทางที่ไม่ดี ถึงประเด็นนี้นางแบบสาวทำหน้า เครียดก่อนเผยความรู้สึกว่า"ตอนที่มีภาพหลุดจูนไม่ทราบด้วยซ้ำ จูนมาถามพี่เขาทีหลัง เขาบอกว่าดูแล้วไม่น่าเกลียด แต่มันไม่ใช่บนเตียงนะ มันเป็นฟูกที่อยู่บนโซฟาแล้วเอาลงมานั่งที่พื้น ซึ่งทริปนี้เราไปเที่ยวหัวหินกัน และไปกันหลายคนมีผู้ใหญ่ด้วย แล้วพี่พีเคเป็นผู้ใหญ่โตแล้ว เขาดูแล้วภาพไม่น่าเกลียด ที่บ้านจูนก็ไม่ว่าอะไรด้วย""จูนไม่เห็นหนังสือพิมพ์เลยไม่รู้ว่าเขาพาดหัวข่าวอะไรบ้าง แต่คนอื่นคงมองไม่ดีไปแล้ว (ทำหน้าจ๋อย) ที่พี่บอกว่าเขาพาดหัวข่าวแรง ถ้าใครเห็นภาพก็คงคิดไปอย่างนั้น แต่จูนยืนยันว่ามันเป็นรูปที่เราถ่ายเล่นกัน และเราก็ไม่ได้ถ่ายเองด้วย เป็นคนอื่นถ่ายให้ ถามว่ามันหลุดมาได้ยังไง คือจูนไม่มี hi5 เฟซบุ๊ค หรืออีเมล์เลย ส่วนคนที่ถ่ายก็เป็นคนในครอบครัว เขาไม่น่าจะปล่อยภาพหลุดออกมา แต่อย่างที่บอกว่าทริปนี้ไปกันหลายคน ดังนั้นรูปนี้ก็จะมีกันหลายคน แต่จูนไม่ทราบว่าภาพหลุดออกมาได้ยังไง"
อ่านหน้าต่อไปคลิก Older Posts