Sunday, February 15, 2009

"ฝน-ฟาน" ออกแบบรักไม่ตายตัว

ผ่านพ้น วันวาเลนไทน์ มาแบบกรุ่น ๆ กลิ่นอายรัก ทำให้ “ดาวต่างมุม” ขออิงกระแสในเทศกาลแห่งความรักด้วยเช่นกัน แม้จะมีหลายคู่ต้องอยู่คนเดียวก่อนวันวาเลนไทน์ เพราะความรักและชีวิตคู่ไปกันไม่รอด แต่ก็ยังมีความรักของคนอีกหลาย ๆ คู่ ที่กำลังดำเนินต่อ...อย่างมี “ความสุข” และ “ความหวัง” และคู่หวานของวงการบันเทิง ซึ่งหลายคนอาจออกอาการอิจฉาจนตาร้อนผ่าว ๆ หนีไม่พ้นคนคู่นี้ น้ำฝน-กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ และ สเตฟาน-สันติ วีระบุญชัย ตลอด 4 ปี ที่คบหาดูใจกันมา คู่รักคู่นี้เปลี่ยนจาก “ความหวาน” กลายเป็น “ความเข้าอก เข้าใจ” ไม่เชื่อลองฟังจากคำบอกเล่าของทั้งสองกันเลย เริ่มคำถามแรกขอถามไถ่เรื่องงานของทั้งคู่เป็นการอุ่นเครื่อง@@ ตอนนี้มีผลงานอะไรกันอยู่บ้าง? ฝน : “ก็มีเรื่อง “ลูกไม้เปลี่ยนสี” ถ่ายเสร็จนานแล้ว รอออกอากาศอยู่ ตอนนี้กำลังรอเปิดกล้องละครอีกเรื่องอยู่ งานนอกนั้นก็จะเป็นงานอีเวนต์ ต่าง ๆ และทำนิตยสาร “สุขภาพดี” ค่ะ” ฟาน : “ส่วนผมรอเปิดกล้องละคร “รหัสโลกันต์” ของ กันตนา เล่นคู่กับ จุ๋ย-วรัทยา อยู่ครับ และเมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งถ่ายโฆษณาจบไป 1 ชิ้น เวลานอกนั้นจะทำหนังสือกันครับ” @@แปลว่านิตยสารเล่มนี้ ถือว่าเป็นธุรกิจลงทุนจริงจังเลยสิ? ฟาน : “ใช่ครับ ในเมื่อเรายอมลงมือทำแล้ว ก็ยอมลงเงินด้วยดีกว่า พวกเราอยากทำเต็มที่ และที่เลือกทำหนังสือแนวสุขภาพ เพราะคิดว่าคนทุกคนดูแลสุขภาพมากขึ้น ทุกคนอ่านได้ ถ้าหนังสือรถก็ต้องคนชอบรถ หนังสือบันเทิงก็ต้องคนชอบดูละคร จริงมั้ย แต่หนังสือสุขภาพเนี่ย ทุกคนอ่านได้หมด ทุกคนต้องดูแลสุขภาพ”
ฝน : “ถามว่าฝนจะเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งใจจริงอยากเล่นเหมือนดารารุ่นน้า ๆ และอา ๆ หลายคนนะ แต่แบบว่า ทำอย่างไงเราจะมีเงินเดือนทุกเดือน จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะมีเงิน มีงานเข้ามามั้ย อีกอย่างทำหนังสือมันมีโอกาสที่จะโตด้วย ถ้าเรามีรายได้เข้ามาหลายทาง มันก็ช่วยบรรเทาในเรื่องรายจ่าย แต่ทีนี้ฝนมองว่าถ้าทำหนังสือ มันอยู่ได้เป็น 10 ปี มันเลี้ยงเราไปอีก 10 ปี ถ้ามันผ่านตรงนี้ไปได้ มันอาจอยู่ไปถึง 30 ปีก็ได้นะ อีกอย่างถ้าเริ่มจากหนังสือเล่มหนึ่งแล้ว มันจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกก็ได้ เป็นการต่อยอดค่ะ” ถ ต้องมาทำงานด้วยกัน เคยมีปัญหาทะเลาะกันบ้างมั้ย? ฝน : “ก็มีในเรื่องของความคิดเห็น แต่มันเป็นในรูปแบบของงาน อย่างว่าคนส่วนใหญ่ที่ขัดแย้งกับคนในการทำงาน มันก็เป็นแค่ในงาน มันคืองาน อาจเป็นเพราะเราเคยเล่นละครด้วยมั้ง เพราะเราอยู่วงการบันเทิงและละคร พอเราอยู่ตรงนี้ ต่อให้เราเศร้า เราทุกข์แค่ไหน ออกไปก็ต้องยิ้ม ไม่ว่าจะเกลียดคนนี้แค่ไหน ก็ต้องเฟกเพื่อคุยกับเค้า มันมีในทุกวงการ และทุกสายอาชีพแหละค่ะ แล้วเราก็ถูกฝึกมาแบบนี้แล้ว ทีนี้พอเราต้องไปทำงาน ซึ่งฝนไม่ได้บอกว่าฝนเฟกกับฟาน แต่ความหมาย คือ เรารู้ว่าอยู่ในห้องทำงาน ก็ไม่ได้มานั่งขัดแย้ง แทบไม่มีเรื่องส่วนตัวมายุ่งเลย ฝนเชื่อว่าหุ้นส่วนทุกคนอยากให้หนังสือออกมาดี แม้ว่าบางที...ไม่มีทางให้มันออกมาเป็นความคิดเราทุกเล่มหรอก ต้องปล่อยให้เป็นความคิดเขาบ้าง เพื่อให้เขาเห็นว่าผลที่ได้รับกลับมามันเป็นอย่างไร บางทีมันอาจดีกว่าความคิดของเราก็ได้”ฟาน : “มันก็แค่ในงาน ผมปล่อยสบาย ๆ ไม่ชอบทะเลาะอะไรกับเขานะ (แพ้ทุกที)” (แอบแซว...ยิ้ม)
@@คนวงการบันเทิงชอบบอกว่างานตรงนี้ไม่มั่นคง อยากหางานที่มั่นคงรึเปล่า? ฝน : “สิ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะคิดอยู่แล้วนะ” ฟาน : “บางคนคิดจะเป็นพระเอกตลอดชีวิต มีงานชัวร์ ไม่ต้องทำอย่างอื่นหรอก แล้วมาคิดได้ตอนอายุ 30 ปี ว่าควรจะเก็บเงิน” ฝนเสริม : “ฝนว่าความคิดเห็นนี้มาจากผู้ชาย ช่วงหาเงินได้ก็จะหมดไปกับอย่างอื่น เช่น รถยนต์ ผู้หญิง สนุก ดื่มเหล้า ช่วงนั้นจะฮอตที่สุด เพราะจะหาเงินได้เยอะที่สุด ใช้เงินไปก่อน แล้วมาคิดได้ว่าจะเก็บเงินตอนอายุ 30 ปี มันไม่ทันแล้ว มันไม่ได้เป็นก้อนแล้วอ่ะ ความจริงต้องจัดสรรแล้วนะ” ถ แล้วในมุมของผู้หญิงล่ะ? ฝน : “ผู้ชายหนุ่ม ๆ ก็เริ่มมีแฟน แยกตัวไปเช่าหอ แต่ผู้หญิงเนี่ยยังไงก็แบบให้พ่อแม่ไปส่ง พ่อแม่เก็บเงิน ต่อให้ไม่อยู่บ้าน ก็ต้องเลี้ยงพ่อแม่ นี่ฝนไม่ใช่บอกว่าผู้หญิงดีกว่าผู้ชายนะ แต่พื้นฐานของผู้ชายจะคิดอีกแบบ” ฟานแอบแซว… “แต่งงานกับคนรวยได้” ฟาน : “คนเราเป็นเรื่องธรรมชาติ ยังไงก็ต้องหาความสุขให้ชีวิต ไม่อย่างนั้นน้ำมันจะหมดตอน 27-28 ปี ต้องมีอะไรสนุกบ้าง แต่ผมไม่เหมือนคนอื่น ๆ ภาระผมเยอะ ต้องดูแลพ่อแม่ น้องอีก 2 คน ส่งเรียน เลยไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนั้น”
@@ คบกันมา 4 ปีแล้ว มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากตอนที่คบใหม่ ๆ มั้ย? ฝน : “ไม่หวานแล้ว เริ่มรู้สึกเหมือนเพื่อนแล้วเนอะ” ฟาน : “ฮืม!” @@แล้วในเรื่องนิสัยใจคอล่ะ? ฝน : “เอาง่าย ๆ ตอนนี้ฟานก็เป็นตัวเค้า ฝนก็เป็นตัวฝน รับไม่ได้ก็เลิกกันไป” ฟาน : “ไม่มีฟอร์มแล้วนะ” @@ช่วงที่คบกันตอนไหน ถึงเริ่มเป็นตัวของตัวเอง? ฟาน : “2 ปีเนอะ ผมก็ทำตัวสบาย ๆ จะเปลี่ยนทีละนิดทีละหน่อย โดยไม่รู้ตัว หลัง ๆ อยากทำอะไรก็ทำแล้ว เหมือนตกปลา เค้า อยู่ในถังเราแล้ว แต่เราก็ต้องทำดี ๆ บ้าง เป็นตัวของตัวเองบ้าง ผสมกับการยอม ๆ ต้องมีบ้าง” ฝน : “ฟานเป็นในปีที่ 2 ไม่ใช่วันเดียวเป็น มันต้องค่อย ๆ แสดงนิสัยของแต่ละคนออกมา พอรู้ว่าผู้หญิงไม่ไปไหนแล้ว จีบติดแล้ว ชัวร์แล้วนี่” แอบหยอด...@@วางอนาคตอย่างไรกันบ้าง? ฝน : “ต้องถามเค้าแล้วล่ะ ถ้ามีผู้นำที่ดีได้ก็ดี อีกอย่างฝนไม่ได้อยากมั่นคงอะไรกับเค้า ฝนมีความรู้สึกว่าฝนไม่อยากเอาของ ๆ ใคร เพราะเราก็จะต้องยอมตลอด ถ้าไปหวังพึ่งใครมาก ๆ ฝนต้องอยู่ใต้เค้าตลอด โดยนิสัยฝนมันไม่ใช่ มุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฝนเป็นคนชอบทำอะไรเอง ขอให้มีงานทำ สนุก ออกไปเจอ ไปทำงาน มาวันนี้ยังรู้ว่าได้มาทำอะไร จริง ๆ ฝนคิดว่าฝนไฮเปอร์นะ ขนาดอยู่บ้านก็ต้องทำอะ โรคจิตมั้งค่ะ” ฟาน : “ตอนนี้พยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด หาความมั่นคงให้มันอยู่ได้นาน ๆ ความมั่นคงในแง่ของการทำงาน และการเงิน ตอนนี้ยังไม่มั่นคงเลย เรายังไม่รู้งานเราจะเป็นอย่างไรเลย ยิ่งในวงการไม่มีอะไรถึง 100% เลย เลยคิดทำธุรกิจให้ดีที่สุด แล้วทำละครให้ดี ก็มีงานอื่น ๆ อย่างทำอสังหาริมทรัพย์กับพี่ชาย เป็นเอเย่นต์ซื้อ-ขายที่ดิน กรุงเทพฯ-หัวหิน-พัทยา ผมทำกับพี่ชาย ก็เป็นไปตามเศรษฐกิจนะ จะทำแค่สองอย่างนี้ แล้วเล่นละครให้ดีที่สุดดีกว่าครับ”
@@เมื่อไหร่ฝนจะคิดว่าฟานพร้อมสำหรับเรา? ฝน : “ตอนนี้ยังค่ะ ฝนคิดว่าฝนกลัวการแต่งงาน ถ้าคนแต่งงานก็ขอให้อยู่กัน ๆ ไปนาน ๆ ก็แล้วกัน คนรักกันจริง ๆ ฝนไม่ได้พูดถึงนะ แต่ตอนนี้ฝนรู้สึกว่าการแต่งงานเหมือนรถเบนซ์ คือ เรารวยก็ต้องซื้อรถเบนซ์ เพื่อให้รู้ว่าซื้อรถเบนซ์เหมือนกัน ในมุมของสังคมถ้าคุณอยากให้เค้ารู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ขาย ออก ประสบความสำเร็จในชีวิต มีความรักที่ดี คุณต้องแต่งงาน เป็นแพตเทิร์น ถามว่าฝนอยากแต่งงานมั้ย โอเค ถ้าวันนึงมีคนแบบต้องแต่ง แต่ตอนนี้อาจเป็นเพราะฝนมีภาระอยู่ วันนึงก็ไม่รู้ว่าฝนอาจจะเลิกกับเค้าไป แล้วไปเจอคนที่รวย ๆ จนทำให้ฝนไม่มานั่งคิดถึงเรื่องเงิน ฝนอาจแต่งก็ได้ ฝนไม่สามารถรู้ว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้แค่ฝนคิดว่าฝนจะมีลูกฝนยังเสียวแล้ว ไม่ได้เสียวว่าจะเลี้ยงเค้าไม่ได้ รู้สึกว่าฝนจะนอนก็ไม่ได้ ฝนจะไปไหนก็ไม่ได้ คนบางคนอาจมองว่าฝนเห็นแก่ตัว ทุกวันนี้ฝนหาเงินมา ฝนไม่ได้ใช้อยู่คนเดียวนะ ฝนเลยรู้สึกเบื่อกับสิ่งนี้ เลยคิดอยากทำอะไรให้ตัวเอง คนชอบคิดว่าชีวิตเหมือนละคร พระเอก-นางเอกต้องแต่งงานกัน ฝนจะมองว่าถ้าฝนเลิกกับสามีไป แล้วการที่ฝนไปมีสามีใหม่ มันดูหลายสามี มันดูเป็นเรื่องใหญ่นะ แต่ผู้ชายเลิกกับภรรยาไปก็มีใหม่ได้ ไม่ผิด แต่ผู้หญิงภรรยาใหม่กลับผิดด้วย ฝนว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะมีนั่งทำอะไรให้มันง่าย ๆ” ฟาน : “ชีวิตไม่ใช่ของเราแล้ว เราต้องดูแลลูก ผมว่าตั้งแต่เกิดมาก็มีคนวางทุกอย่างให้ โตมาให้เราเรียน พอจบให้ต่อมัธยม ต้องให้เป็นหมอ ทนาย วิศวกร ทั้งประเทศเหมือนกันหมด เรียนเข้าไป ความคิดก็เหมือนเดิม พอ 20 กว่าก็ไปบวช บางคนบวชให้แม่ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะบวชให้แม่ ไปบวชขอไปที แต่ไม่เคยคิดเรื่องธรรมะเลย ทำเป็นแพตเทิร์นจริง ๆ พออายุ 29-30 ปี แล้วมีลูกกัน ชีวิตเหมือนไปคิดข้างนอกมาก ไม่ได้คิดจากใจตัวเอง ผมไม่ได้บอกว่ามันผิดนะ แต่ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะว่าผมใช้ชีวิตตามที่คนอื่นเค้าวางมา มันไม่ได้อิสระเลยนะ ผมพูดตรง ๆ เหมือนเราเกิดมาอยู่ในกรง ทำทุกอย่างตามนั้น ไม่มีความสุข พระเจ้าให้ชีวิตเรามาแล้ว ชีวิตเป็นของเรา อย่างเดียวที่เป็นของเรา คือ ชีวิตของเรา การตัดสินใจของเรา เราจะไม่มีสิทธิเลยเหรอ ผมเลยอยากทำอะไรก็ทำ เพราะยังไงทุกคนก็เท่าเทียมกันหมด ท้ายที่สุดแล้ว จบที่เดียวกัน” ฝนเสริม : “คนส่วนใหญ่ชอบทำตัวให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนยังไง แล้วชอบสร้างตัวเองเป็นอย่างที่เค้าจะมองเราอย่างนั้นน่ะ ถ้าเราจะไปโฮโซก็ต้องทำตัวไฮโซ เพื่อให้คนมองว่าเป็นไฮโซ...ฝนไม่อยากให้ใครมาคาดหวังกับคู่ของฝน ว่าฝนต้องเป็นคนรับผิดชอบสังคม เป็นคนของประชาชน ต้องเป็นนักการเมืองสิ ไม่ใช่เรา” @@ตอนนี้มีข่าวคู่รักเลิกกันเยอะมาก กลัวคนจะมาจับจ้องคู่ของฝน-ฟานรึเปล่า? “เรื่องนั้นฝนไม่เบื่อหรอก แต่วันนึงถ้าฝนเลิกกับฟาน แล้วฝนตกอยู่ในฐานะที่คนพูดไม่จบอ่ะ ชั้นมีแฟนใหม่เป็นชาติแล้วก็ยังโยงกับคนเก่าอีก มันไม่จบ โดยเฉพาะคู่ดาราจะเจอกันเยอะมาก” ฝนกล่าว อีกหนึ่งรูปแบบความรักที่คู่รักคู่นี้ได้ออกแบบเพื่อตัวเอง ใครจะเอาอย่างก็ไม่ว่ากัน!.

แพง ออกปากเหนื่อยใจคบ ฟลุค! ปัดเอ่ยถึงคู่กรณี ชัญญ่า


"แพง" ขวัญข้าว เศวตวิมล ลั่นเหนื่อยใจที่ "ฟลุค" เกริกพล มัสยวาณิช สร้างปัญหาให้เยอะ ขู่รอดูพฤติกรรมว่าความสัมพันธ์จะจบอย่างไร ยันไม่ขอออกความเห็นเรื่องแฟนหนุ่มแอบควง ชัญญ่า ทามาดะ ไปกินหมูกระทะ
แม้ว่าพิธีกรสาว "แพง" ขวัญข้าว ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับพ่อม่ายลูกหนึ่ง "ฟลุค" เกริกพล แต่ก็ดูเหมือนฝ่ายชายจะยังไม่ทิ้งลายคาสโนวา เพราะมีข่าวกับสาวๆ ออกมาเป็นระลอก อย่างล่าสุดนี้ลือกระฉ่อนว่า หนุ่มฟลุคแอบควงไฮโซสาว ชัญญ่า ไปกินหมูกระทะด้วยกัน เมื่อมีโอกาสเจอตัวแพงเลยเข้าไปสอบถามว่าได้คุยกับแฟนหนุ่มถึงเรื่องนี้หรือยัง ก็ได้รับคำตอบว่าไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ใช่เรื่องของเธอ
"กับชัญญ่าแพงไม่รู้จักเขา และขอไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่า ไปถามพี่ฟลุคดีที่สุด แต่พี่ฟลุคก็ได้อธิบายความจริงให้แพงฟังแล้ว ซึ่งแพงให้เกียรติคนที่แพงคบก็เชื่อพี่เขา จริงๆ เรื่องนี้ไม่อยากให้เป็นประเด็น อยากให้จบปัญหาเท่านี้แพงไม่อยากไปยุ่งกับใครทั้งสิ้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องของแพง และไม่อยากทำให้อยู่ดีๆ เรื่องไม่เป็นเรื่องกลายเป็นเรื่องขึ้นมา" แพง กล่าว
ด้วยความที่ฟลุคเป็นข่าวกับสาวๆ ค่อนข้างเยอะ แพงถึงกับออกปากยอมรับว่าหนื่อยใจเหมือน ว่าทำไมเป็นปัญหาเยอะจัง แต่ยอมรับว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า ส่วนเรื่องที่เคยพูดว่าต้องดูพฤติกรรมของแฟนหนุ่มต่อไปว่าจะตัดสินใจถอยห่างหรือไม่นั้น เรื่องนี้เธอบอกให้ดูกันต่อไป ถ้าวันหนึ่งมีอะไรเกิดขึ้น ก็จะได้รู้กันเอง
"แพงไม่เคยขอให้พี่ฟลุคลดความอัธยาศัยดีกับสาวๆ ลงหรอกนะ เนื่องจากคนเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แพงคงไปห้ามอะไรใครไม่ได้ก็มองเป็นเป็นเรื่องขำๆ ไป
ทุกวันนี้ก็ไม่มีหวง ไม่มีใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าแพงไม่รู้สึกอะไร แพงยังมีชีวิตมีจิตใจ ยังให้เกียรติและเข้าใจว่าเขาเป็นคนของข่าวอยู่ ส่วนความรู้สึกกับข่าวที่เกิดขึ้นนั้น แพงว่าข่าวมันก็หนักขึ้นทุกวัน แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องของแพง ซึ่งแพงก็ไม่ได้ตามคุมประพฤติพี่เขาหรอกนะ ตอนนี้ไม่รู้ใครคุมใคร แล้วแพงก็ไม่เคยคิดควงใครมาแก้แค้น แพงไม่อยากเอาบุคคลที่ 3 มาเกี่ยว" แพง กล่าวทิ้งท้าย

7 ปี ที่หายไปกับ ว่าที่ ดร.นาวิน ต้าร์

นาวิน ต้าร์ - หายจากวงการไปหลายปีเพราะเรื่องเรียน ล่าสุด “นาวิน ต้าร์” หรือ “นาวิน เยาวพลกุล” ว่าที่ ดร. กลับมาเมืองไทยอย่างถาวรแล้ว และในวันนี้มีโอกาสได้เจอต้าร์ ในวันบวงสรวงละครเรื่อง “แม่หญิง” ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่ต้าร์ กลับมาลงละครหลังจากที่หายไปหลายปี และเชื่อแน่ว่าแฟนคลับพ่อหนุ่มคนนี้คงจะคิดถึงเขา เราเลยไม่รอช้ารีบคว้าตัวหนุ่มต้าร์ มานั่งเปิดอกพูดคุยกัน เพื่อเหล่าบรรดาแฟนคลับของเขาจะได้หายคิดถึง ซึ่งต้าร์ เล่าถึงชีวิตที่ต่างประเทศให้เราฟังว่า “อยู่ที่โน่นเรียนมาก็หนักพอควรครับ กว่าจะจบได้ใช้เวลานานอยู่ จะเรียกว่าจบก็ได้ เพราะต้าร์เหลือส่งงานอีกงานเดียวเท่านั้นเอง แต่ว่าไปรับปริญญาก็รับที่นู่น หรืออาจจะไม่ไปรับเลยก็ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ การเรียนจบมันหนักหนากว่า เหลือแค่ส่งงานเสร็จก็ว่าที่ ดร.แน่นอนครับ แต่การกลับมาคราวนี้ก็มาอยู่เมืองไทยถาวรเลยครับ ย้ายทุกอย่างมาแล้วคิดถึงเมืองไทยมาก ๆ ต้าร์ไปอยู่มา 7 ปีเกือบ 8 ปี ถ้าไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองปีแรกก็เฉย ๆ ปีที่ 2 ยังสนุก ๆ กลับบ้านบ้าง ถ้าเรียนจบตอนนั้นนะก็รู้สึกอยากกลับไปอีก แต่ต้าร์อยู่จนรู้สึกว่าที่นั่นเป็นอีกบ้านนึงไปแล้ว เรารู้สึกว่าเรากลาย เป็นอีกคนนึง พอพูดภาษาอื่นมันเหมือนกลายเป็นอีกคนนึงเลย พอเรากลับมาเหมือนเป็นการใช้ชีวิตแบบเก่ากับตัวเอง กับครอบครัว และก็เพื่อน ๆ ด้วย” อยู่ที่โน่น มี สาว ๆ เข้ามาจีบบ้างไหม ? “ก็มีคนเข้ามาจีบบ้าง ผมเองไปจีบบ้างตามภาษาชายหนุ่มครับ แต่ถ้าเป็นแฟนเลยคงยังไม่มี เพราะผมเพื่อนเยอะ ก็คงเป็นการเดท มากกว่า แต่พอกลับมานี่ที่นู่นก็จบนะครับ ส่วนเรื่องเหงามันก็มีบ้างเหงาหัวใจ แต่ยังมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันคอยไปไหนมาไหนด้วย แต่ถ้าถามตอนนี้ผมยังโสดอยู่ อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่ชีวิตต่างประเทศก็สนุกดีครับเพื่อนเยอะดี ได้เจอหลาย ภาษา ได้เรียนเพิ่มความรู้ไปในตัว ก็มีที่เครียดบ้างก็คงเรื่องเรียนมากกว่า แต่เพื่อนก็ให้กำลังใจผมนะ ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ” พอกลับมาถึงเมืองไทย รับงานละครเลยนะ ? “ส่วนเรื่องการแสดงกลับมาผมก็เล่นละครเลยครับ คือต้าร์กลับมาก็เข้าไปสวัสดีคุณแดง และคุณแดงก็ชวนมา ให้โอกาส พอได้คุยกับพี่ธง ได้เจอทีมงานด้วยเราก็รู้สึกว่าน่าจะร่วมงานกันได้ดี ที่ทำเพราะอยากทำด้วยครับ และยอมรับว่าตื่นเต้นนะ ยิ่งเรื่องการแสดง เพราะหายหน้าไปนานเลยก็ต้องเคาะสนิมกันพอสมควรแต่คิดว่าน่าจะทำได้พยายามอยู่ แต่ว่าพอเราทำเราสนุกเราก็ไม่น่าจะยาก แต่คงเป็นเรื่องภาษาที่ต้องเคาะมาก และก็เกี่ยวกับการพูดส่วนใหญ่ เพราะจะพูดรัว ๆ รู้สึกว่าคิดเร็วกว่าพูด บางทีมันไปเร็วเกินไป ผมว่าการกลับมาทำงานวงการ ก็เหมือนเป็นงานเพื่อสังคมครับ ในส่วนตัวคิดว่าอย่างนั้นก็ได้ ความคาดหวังผมไม่คาดเลยเพราะไม่รู้จะหาอะไร เราทำเพราะเรามีความสุขถ้าเกิดเรามีแฟนที่ติดตามถ้าเขาชอบเราอยู่เราก็ดีใจและปลื้มใจมาก ๆ แต่ว่าเราไม่คาดหวังว่าจะได้เท่าไหนยังไง แค่เรามีความสุขก็พอ” ในละครเรื่องแม่หญิง บทเป็นยังไง ? “ในเรื่องแม่หญิง ผมรับบทเป็น เอื้อ อิศรา เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในยุคนั้น เป็นละครพีเรียด สังเกตจากสีเสื้อคือตัวเรารักกับหม่อมเจ้าหญิงอุณาโลม ซึ่งนุ่นเป็นคนเล่น และเราก็เป็นเพื่อนกับ พราหมณ์-คือพี่หนุ่ม (ศรราม เทพพิทักษ์) แล้วจากความรักของเราเป็นความรักต่างชนชั้น เลยทำให้เกิดปัญหาขึ้น มันเป็นปม กับบทพอได้อ่านแล้วในตัวของเอื้อ อิศรามีความเป็นศิลปิน ก็จะพยายามสื่อออกมา และแสดงความรักที่มีให้ผู้หญิงคนนึงที่รักมาก ๆ ขนาดแต่งเพลง บรรเลงเพลงเพื่อคนรักคนนั้น ผมรู้สึกว่าอารมณ์นั้นมันโรแมนติกมาก ก็น่าเล่นครับ กลับมาเล่นเรื่องนี้ก็นึกวันวานเก่า ๆ ที่เคยเป็นนักร้องก็คงคิดถึงอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็คิดถึงบ้าง ไม่ได้คิดว่าจะต้องดังเพราะผมไม่ยึดติดอยู่แล้ว แต่คิดถึงทีมงานพี่ ๆ บางคนที่เราเคยร่วมงานกันมา เราเป็นเด็กเราวิ่งเล่นและโตมากับเขา เหมือนเป็นเพื่อนอีกกลุ่มนึงที่เรากลับมาแล้วยังไม่ได้เจอเขา ถ้าไม่ได้กลับเข้ามาทำงานก็คงไม่ได้เจอ จากนี้ไป เราก็จะจำว่าเราเป็นเพื่อนใครบ้าง” กลับเข้าวงการบันเทิง จะทุ่มเทให้กับวงการนี้มากน้อยแค่ไหน หรือว่าจะไปทำงานที่เรียนมา ? “ถ้า 100 เปอร์เซ็นต์ทุ่มให้บันเทิง 20 เปอร์เซ็นต์ คงเปลี่ยนไปเรื่อยกับเวลา แต่คงไม่ถึงครึ่งต่อครึ่ง ส่วนเรื่องละครตอนนี้คงให้น้องต้องมาบอกแล้ว เขาเล่นเก่งนะผมเคยเห็น ของต้าร์กลายเป็นใหม่กว่าในเรื่องของละคร เราทำงานเพลงมานานกว่า แต่มาครั้งนี้มันจับพลัดจับผลูมาลงที่นี่ คิดว่าชอบทุกคนสนุก ก็จะตั้งใจเต็มที่นะ ก็อยากฝากละครแม่หญิงด้วยนะครับ ถ้าเกิดคิดถึงต้าร์และอยากเห็นเราติดตามกันได้ครับจากในละคร” คำถามสุดท้าย วันนี้คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมไหม ? “ไม่ทราบเหมือนกันครับ กลับมาก็ยังไม่เจอใครเท่าไรเลยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะเนื้อหอมเท่าน้องชาย (วิน-ธาวิน) แล้วละครับ คนนั้นเขาเนื้อหอมของจริง (หัวเราะ)” เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งที่น้อง ๆ ควรจะเอาเยี่ยงอย่างในเรื่องของการเรียน และความพยายาม ซึ่งการเป็นนักแสดงกับเรื่องการเรียนนั้น น้อยคนนักที่จะทำได้ดีควบคู่กันไป และการตัดใจลาวงการเพื่อเรียนต่อต่างประเทศนั้นมันเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับหนุ่มคนนี้เขาเลือกเส้นทางของเขาเอง เรียกว่าสู้เพื่อฝันจริง ๆ เพราะฉะนั้นน้อง ๆ คนไหนที่มีฝันแล้วละก็ อย่ามัวรีรอ ตามความฝันของตัวเองให้ทันนะจ๊ะ เพราะเวลาไม่เคยคอยใครจริง ๆ.

‘ป้อง’ รักชีวิตโสด แย้มกลัวการผูกมัด


เป็นหนุ่มที่เรียกว่าได้ฉายาเจ้าชู้ตัวพ่อเหมือนกันสำหรับหนุ่มคนนี้ “ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” และล่าสุดตกเป็นข่าวซุบซิบว่า เป็นหนุ่มปริศนาที่แอบกิ๊กกั๊กกับสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” จนเป็นเหตุให้เลิกรากับแฟนหนุ่ม ซึ่งในเรื่องนี้ ป้อง เผยกับผู้สื่อข่าวว่า “พูดได้เลยว่าไม่ใช่ผม เพราะว่าผมรู้จักทั้งคู่ ทั้งโมทั้งก้อง และเวลาที่เขามีเรื่องอย่างเนี้ยเขาจะมาคุยกับผู้หญิงในกองถ่ายคือน้องแป้ง (อรจิรา แหลมวิไล) ซึ่งผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ผมยังว่าโมเลยนะว่าโมถ้าพี่เป็นก้องพี่ก็โกรธ ทำอย่างนี้ยังให้คำแนะนำเขาไปเลย แล้วจะเป็นผมได้ไง แต่ที่มีข่าวก็คงเป็นจังหวะที่เล่นละครด้วยกัน ก็คิดแล้วว่าไม่รอด แต่มันไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ ไม่รู้จะพูดอะไร อยากรู้ต้องไปถามแป้ง”
ขอถามเรื่องป้องบ้าง เพราะว่ามีรูปหลุดออกมา เห็นไปนั่งเล่นเกมกับสาว ๆ “เออ...อันนั้นธรรมดาครับ ในรูปจะเห็นเลยว่าไม่มีจับมือ ไม่มีอะไรเลย เพราะว่าเราเพื่อนกัน เขาเป็นเพื่อนที่ออกกำลังกายด้วย ที่ยนตรกิจ และวันนั้นเราไปหลาย ๆ คนจริง ๆ” คนนี้ใช่ตัวจริงหรือเปล่า “คือเพื่อนจริง ๆ ในรูปจะเห็นเลยว่าไม่มีอะไรเลย”
ตอนนี้มีแฟนแล้วยัง “ก็โสดไปเรื่อย ๆ ครับ คือผมว่าการที่เราจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครมันง่ายนะ หวาน ๆ น่ารัก ๆ กันมีความสุข ทุกอย่างดีหมด แต่พอถึงเวลาที่เราคิดว่าไม่ใช่แล้ว ต้องเลิกรากันไป การไปบอกเลิกใครมันยากนะ ไม่ชอบอารมณ์นั้นเลยจริง ๆ เพราะมันกระทบกระเทือนจิตใจ เพราะฉะนั้นขอเวลาเจอตัวจริงเลยดีกว่าแล้วค่อยจริงจัง ตอนนี้เป็นเพื่อน ๆ กันไปเรื่อย ๆ ดีกว่า เราจะไปคุยกับใครก็ได้ เขาจะไปคุยกับใครก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร” กลัวการผูกมัดหรือเปล่า “ก็ยอมรับว่ากลัว รู้สึกว่าแบบเราต้องอยู่กับคนนี้ไปคนเดียว 20-30 ปี ตื่นมาก็เจอคนนี้ เราก็คิดเหมือนกันว่าการมีแฟนแล้วก็เลิก มันน่าเบื่อเหมือนกันนะ มันดูไม่ดี ผมเลยคิดว่าอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดีกว่าครับ”.
อ่านหน้าต่อไปคลิก Older Posts