Sunday, February 15, 2009

7 ปี ที่หายไปกับ ว่าที่ ดร.นาวิน ต้าร์

นาวิน ต้าร์ - หายจากวงการไปหลายปีเพราะเรื่องเรียน ล่าสุด “นาวิน ต้าร์” หรือ “นาวิน เยาวพลกุล” ว่าที่ ดร. กลับมาเมืองไทยอย่างถาวรแล้ว และในวันนี้มีโอกาสได้เจอต้าร์ ในวันบวงสรวงละครเรื่อง “แม่หญิง” ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่ต้าร์ กลับมาลงละครหลังจากที่หายไปหลายปี และเชื่อแน่ว่าแฟนคลับพ่อหนุ่มคนนี้คงจะคิดถึงเขา เราเลยไม่รอช้ารีบคว้าตัวหนุ่มต้าร์ มานั่งเปิดอกพูดคุยกัน เพื่อเหล่าบรรดาแฟนคลับของเขาจะได้หายคิดถึง ซึ่งต้าร์ เล่าถึงชีวิตที่ต่างประเทศให้เราฟังว่า “อยู่ที่โน่นเรียนมาก็หนักพอควรครับ กว่าจะจบได้ใช้เวลานานอยู่ จะเรียกว่าจบก็ได้ เพราะต้าร์เหลือส่งงานอีกงานเดียวเท่านั้นเอง แต่ว่าไปรับปริญญาก็รับที่นู่น หรืออาจจะไม่ไปรับเลยก็ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ การเรียนจบมันหนักหนากว่า เหลือแค่ส่งงานเสร็จก็ว่าที่ ดร.แน่นอนครับ แต่การกลับมาคราวนี้ก็มาอยู่เมืองไทยถาวรเลยครับ ย้ายทุกอย่างมาแล้วคิดถึงเมืองไทยมาก ๆ ต้าร์ไปอยู่มา 7 ปีเกือบ 8 ปี ถ้าไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองปีแรกก็เฉย ๆ ปีที่ 2 ยังสนุก ๆ กลับบ้านบ้าง ถ้าเรียนจบตอนนั้นนะก็รู้สึกอยากกลับไปอีก แต่ต้าร์อยู่จนรู้สึกว่าที่นั่นเป็นอีกบ้านนึงไปแล้ว เรารู้สึกว่าเรากลาย เป็นอีกคนนึง พอพูดภาษาอื่นมันเหมือนกลายเป็นอีกคนนึงเลย พอเรากลับมาเหมือนเป็นการใช้ชีวิตแบบเก่ากับตัวเอง กับครอบครัว และก็เพื่อน ๆ ด้วย” อยู่ที่โน่น มี สาว ๆ เข้ามาจีบบ้างไหม ? “ก็มีคนเข้ามาจีบบ้าง ผมเองไปจีบบ้างตามภาษาชายหนุ่มครับ แต่ถ้าเป็นแฟนเลยคงยังไม่มี เพราะผมเพื่อนเยอะ ก็คงเป็นการเดท มากกว่า แต่พอกลับมานี่ที่นู่นก็จบนะครับ ส่วนเรื่องเหงามันก็มีบ้างเหงาหัวใจ แต่ยังมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันคอยไปไหนมาไหนด้วย แต่ถ้าถามตอนนี้ผมยังโสดอยู่ อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่ชีวิตต่างประเทศก็สนุกดีครับเพื่อนเยอะดี ได้เจอหลาย ภาษา ได้เรียนเพิ่มความรู้ไปในตัว ก็มีที่เครียดบ้างก็คงเรื่องเรียนมากกว่า แต่เพื่อนก็ให้กำลังใจผมนะ ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ” พอกลับมาถึงเมืองไทย รับงานละครเลยนะ ? “ส่วนเรื่องการแสดงกลับมาผมก็เล่นละครเลยครับ คือต้าร์กลับมาก็เข้าไปสวัสดีคุณแดง และคุณแดงก็ชวนมา ให้โอกาส พอได้คุยกับพี่ธง ได้เจอทีมงานด้วยเราก็รู้สึกว่าน่าจะร่วมงานกันได้ดี ที่ทำเพราะอยากทำด้วยครับ และยอมรับว่าตื่นเต้นนะ ยิ่งเรื่องการแสดง เพราะหายหน้าไปนานเลยก็ต้องเคาะสนิมกันพอสมควรแต่คิดว่าน่าจะทำได้พยายามอยู่ แต่ว่าพอเราทำเราสนุกเราก็ไม่น่าจะยาก แต่คงเป็นเรื่องภาษาที่ต้องเคาะมาก และก็เกี่ยวกับการพูดส่วนใหญ่ เพราะจะพูดรัว ๆ รู้สึกว่าคิดเร็วกว่าพูด บางทีมันไปเร็วเกินไป ผมว่าการกลับมาทำงานวงการ ก็เหมือนเป็นงานเพื่อสังคมครับ ในส่วนตัวคิดว่าอย่างนั้นก็ได้ ความคาดหวังผมไม่คาดเลยเพราะไม่รู้จะหาอะไร เราทำเพราะเรามีความสุขถ้าเกิดเรามีแฟนที่ติดตามถ้าเขาชอบเราอยู่เราก็ดีใจและปลื้มใจมาก ๆ แต่ว่าเราไม่คาดหวังว่าจะได้เท่าไหนยังไง แค่เรามีความสุขก็พอ” ในละครเรื่องแม่หญิง บทเป็นยังไง ? “ในเรื่องแม่หญิง ผมรับบทเป็น เอื้อ อิศรา เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในยุคนั้น เป็นละครพีเรียด สังเกตจากสีเสื้อคือตัวเรารักกับหม่อมเจ้าหญิงอุณาโลม ซึ่งนุ่นเป็นคนเล่น และเราก็เป็นเพื่อนกับ พราหมณ์-คือพี่หนุ่ม (ศรราม เทพพิทักษ์) แล้วจากความรักของเราเป็นความรักต่างชนชั้น เลยทำให้เกิดปัญหาขึ้น มันเป็นปม กับบทพอได้อ่านแล้วในตัวของเอื้อ อิศรามีความเป็นศิลปิน ก็จะพยายามสื่อออกมา และแสดงความรักที่มีให้ผู้หญิงคนนึงที่รักมาก ๆ ขนาดแต่งเพลง บรรเลงเพลงเพื่อคนรักคนนั้น ผมรู้สึกว่าอารมณ์นั้นมันโรแมนติกมาก ก็น่าเล่นครับ กลับมาเล่นเรื่องนี้ก็นึกวันวานเก่า ๆ ที่เคยเป็นนักร้องก็คงคิดถึงอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็คิดถึงบ้าง ไม่ได้คิดว่าจะต้องดังเพราะผมไม่ยึดติดอยู่แล้ว แต่คิดถึงทีมงานพี่ ๆ บางคนที่เราเคยร่วมงานกันมา เราเป็นเด็กเราวิ่งเล่นและโตมากับเขา เหมือนเป็นเพื่อนอีกกลุ่มนึงที่เรากลับมาแล้วยังไม่ได้เจอเขา ถ้าไม่ได้กลับเข้ามาทำงานก็คงไม่ได้เจอ จากนี้ไป เราก็จะจำว่าเราเป็นเพื่อนใครบ้าง” กลับเข้าวงการบันเทิง จะทุ่มเทให้กับวงการนี้มากน้อยแค่ไหน หรือว่าจะไปทำงานที่เรียนมา ? “ถ้า 100 เปอร์เซ็นต์ทุ่มให้บันเทิง 20 เปอร์เซ็นต์ คงเปลี่ยนไปเรื่อยกับเวลา แต่คงไม่ถึงครึ่งต่อครึ่ง ส่วนเรื่องละครตอนนี้คงให้น้องต้องมาบอกแล้ว เขาเล่นเก่งนะผมเคยเห็น ของต้าร์กลายเป็นใหม่กว่าในเรื่องของละคร เราทำงานเพลงมานานกว่า แต่มาครั้งนี้มันจับพลัดจับผลูมาลงที่นี่ คิดว่าชอบทุกคนสนุก ก็จะตั้งใจเต็มที่นะ ก็อยากฝากละครแม่หญิงด้วยนะครับ ถ้าเกิดคิดถึงต้าร์และอยากเห็นเราติดตามกันได้ครับจากในละคร” คำถามสุดท้าย วันนี้คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมไหม ? “ไม่ทราบเหมือนกันครับ กลับมาก็ยังไม่เจอใครเท่าไรเลยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะเนื้อหอมเท่าน้องชาย (วิน-ธาวิน) แล้วละครับ คนนั้นเขาเนื้อหอมของจริง (หัวเราะ)” เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งที่น้อง ๆ ควรจะเอาเยี่ยงอย่างในเรื่องของการเรียน และความพยายาม ซึ่งการเป็นนักแสดงกับเรื่องการเรียนนั้น น้อยคนนักที่จะทำได้ดีควบคู่กันไป และการตัดใจลาวงการเพื่อเรียนต่อต่างประเทศนั้นมันเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับหนุ่มคนนี้เขาเลือกเส้นทางของเขาเอง เรียกว่าสู้เพื่อฝันจริง ๆ เพราะฉะนั้นน้อง ๆ คนไหนที่มีฝันแล้วละก็ อย่ามัวรีรอ ตามความฝันของตัวเองให้ทันนะจ๊ะ เพราะเวลาไม่เคยคอยใครจริง ๆ.

No comments:

Post a Comment

อ่านหน้าต่อไปคลิก Older Posts