Monday, October 11, 2010

ปิ่น” บอสทีวีซีน รับ ปวดหัวเรื่องคลิปเกี่ยวกับ “พิ้งกี้”

“ปิ่น” บอสทีวีซีน รับ ปวดหัวเรื่อง “พิ้งกี้” เผย ฟังคลิปแล้ว รอเจ้าตัวกลับจากอินเดียจะเรียกคุย ลั่น หากเป็นเพียงเรื่องในอดีตตนพร้อมจะมองข้ามและให้โอกาส แต่ถ้าจับได้ว่ายังแอบคบ “เป๊ก” อยู่ก็ไม่เลี้ยง พร้อมเผย “ธัญญ่า” โทร.มาระบายแต่ไม่เคยด่าพิ้งกี้ให้ฟังทั้งที่สนิทกัน ยอมรับ ลำบากใจต้องเป็นคนกลาง แต่เชื่อที่ทั้งคู่ทำไปแค่ต้องการปกป้องตัวเอง ไม่จงใจทำลายอีกฝ่าย ด้านผู้บริหารช่อง3 ปัดยังไม่ฟังคลิป จึงยังไม่อยากลงดาบใคร มีข่าวฉาวโฉ่ไม่หยุดหย่อน สำหรับนางเอก “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” อุตส่าห์ ย้ายมาอยู่ช่อง3 ยังไม่ทันจะมีผลงานละครก็เจอสกัดดาวรุ่งซะแล้ว หลังมีมือดีปล่อยคลิป(เสียง)รักสามเส้าสุดอื้อฉาว ประจานความสัมพันธ์ของพิ้งกี้กับ “เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” สามีของสาว “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” ออกมาเป็นพรวนตอกย้ำกระแสข่าวลือที่ผ่านมา งานนี้ทำเอา “ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์” บอสใหญ่แห่ง ค่ายทีวีซีน งานเข้าไปเต็มๆ ในฐานะที่เป็นคนเอาพิ้งกี้มาเซ็นสัญญา แถมยังให้ประเดิมละครของค่ายเรื่อง “เงาพราย” เป็นเรื่องแรก ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดใจว่า ปวดหัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องถามความจริงจากปากพิ้งกี้ก่อน แต่ตอนนี้ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายยังอยู่ที่อินเดีย พร้อมบอก พิ้งกี้ปฏิเสธไม่เคยคบ “เป๊ก” ก่อนแจง หากเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่นางเอกสาวจะย้ายมาอยู่ช่อง3 ตนก็ยินดีจะมองข้ามและให้โอกาส แต่ถ้าหากปัจจุบันทั้งคู่ยังแอบคบกันอยู่ ตนก็คงไม่เลี้ยงไว้เช่นกัน “ตอนนี้พี่ปวดหัวมากเลย(หัวเราะ) ยังไม่มีคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้พี่ได้ฟังแค่คลิปเดียวคือเป๊กกับธัญญ่า นอกนั้นยังไม่ได้ฟังเลย แต่ได้ยินข่าวแล้วว่ามีคลิปออกมาว่าไปเชียงใหม่(พิ้งกี้กับเป๊ก)อะไรนั่นใช่ มั้ย …ถ้าถามความรู้สึกจริงๆ พี่ก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะแยะขนาดนี้ไง หมายถึงเรื่องมันน่าจะจบไปได้แล้ว แต่ทำไมมันยังไม่จบ เพราะเรื่องที่มันเกิดมันไม่ใช่ปัจจุบันไง แล้วคลิปก็ผ่านมาแล้วเป็นเดือน บางคลิปก็นานกว่านั้น แต่ทำไมไม่จบ” “ธัญญ่าก็เล่นละครกับ พี่มาหลายเรื่องก็สนิทกัน ส่วนพิ้งกี้ก็เพิ่งมาเล่นละครกับพี่ เพราะฉะนั้นเนี่ยต้องเจอตัวแล้วคุยกัน ก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มันจะอยู่อีกนานเท่าไหร่ ถ้าสมมุติว่าปัจจุบันเขายังคบหากันอยู่(พิ้งกี้-เป๊ก)พี่ก็ไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามันเป็นเรื่องในอดีตแล้ว มันก็ต้องมาคุยกันอีกทีนึงว่ายังไง เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องปัจจุบัน ปัจจุบันเขามาอยู่กับพี่แล้ว มาทำงานร่วมกับพี่แล้ว ได้คุยกันแล้วว่าจะไม่มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นอีก แล้วมันยังเกิดขึ้นอีกอันนั้นมันก็เป็นอีกกรณีนึงถูกมั้ย แสดงว่าผิดสัญญากับพี่ แต่ว่าถ้าเรื่องมันเกิดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว หรือ 5 เดือนที่แล้ว ซึ่งเขายังไม่ได้เข้ามาอยู่กับพี่ พี่จะเอาเรื่องอดีตมาบั่นทอนปัจจุบันมันก็ไม่ใช่” “คนเรามันอาจจะผ่านเรื่องราวทั้งผิดทั้งถูกก็ได้ แต่ว่าเราจะไปบอกว่าเมื่อปีที่แล้ว เมื่อ 3 ปีที่แล้วคุณไปอย่างโน้นคุณไปอย่างนี้ อ้าว…ก็มันผ่านไปแล้วอ่ะ มันไม่ใช่ขณะนี้ที่ดูแลอยู่ เพราะฉะนั้นตรงนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันต้องคุยกัน มันต้องมีการประมวลเหตุการณ์ แล้วก็สรุปโดยหลายๆ ฝ่าย พี่ไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้คนเดียวว่า คุณทำแบบนี้ไม่เอาแล้ว หรือเอาหรือไม่เอา มันไม่ใช่ไง มันก็ต้องให้โอกาสที่จะได้คุยกัน” “ถ้าเป็นเรื่องทำนองแบบนี้พี่ไม่เคยสนับสนุนอยู่แล้ว ในการที่จะไปเป็นมือที่สาม ทีวีซีนหรือตัวพี่ไม่เคยสนับสนุน หรือเด็กพี่ที่ดูแลอยู่ก็ไม่เคยมีประวัติแบบนี้ ไม่เคยแม้แต่จะไปเจ้าชู้ หรือไปกินเหล้าเมายา เราพยายามที่จะว่ากล่าวตักเตือนหรือให้สติเขาตลอดเวลา ทีนี้เนี่ยพิ้งกี้เพิ่งมาอยู่กับเรา เราก็ต้องมาปรับมาจูนเข้าหากัน ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าจะจูนกันได้อย่างไร แต่ ขอเวลาพี่นิดนึง ขอคุยกับน้องก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่กลับมายังอยู่ที่อินเดีย ถ้าได้คุยกันแล้วคงมีอะไรที่ชัดเจนกว่านี้ เท่าที่รู้ตอนนี้น้องก็ไม่สบายใจมาก เขาเองก็ยืนยันว่าไม่ได้คบหา ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว เขายืนยันอย่างนั้น พี่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ก็ต้องให้โอกาสกับเด็ก เขาเองก็ไม่สบายใจมาก เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะสบายใจ” รับว่าเคยกำชับพิ้งกี้ไว้ว่าให้อยู่เงียบๆ อย่าให้มีข่าวเรื่องนี้อีก ซึ่งนางเอกสาวก็รับปาก แต่สุดท้ายข่าวดังกล่าวกลับฉาวโฉ่กว่าเดิมหลายเท่า กับเรื่องนี้พอย้อนถามผู้จัดคนดังก็ได้คำตอบว่า... “ข่าวนี้คือเขาเป็นคนทำหรือนักข่าวไปออกข่าวเอง คือเรื่องมันมาจากทำให้มันเป็นข่าวหรือเปล่า เช่น เขายังไปคบหากับพี่เป๊กหรือยังเจอกับพี่เป๊กมันถึงเป็นข่าว หรือคนที่ทำให้ข่าวนี้เกิดขึ้นเพราะมาออกข่าวหรือเปล่า แต่ถ้าว่ามันเป็นข่าวที่ออกมาจากคนอื่น หรือออกมาจากนักข่าวที่มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันก็อีกเรื่องนึงถูกมั้ย มันต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ตอนนี้พี่ยังบอกอะไรไม่ได้ ทราบแต่ว่าน้องไม่สบายใจมาก แต่เราก็นัดกันว่าจะมาคุยกันเพื่อปรึกษาหารือกันว่ามันจะเป็นยังไง แต่ขอเวลาพี่นิดนึง” “ส่วนน้องจะกลับมาวันไหนและคุยกันวันไหนนั้น พูดง่ายๆ ว่าพิ้งกี้มีคิวที่จะต้องมาถ่ายละคร แต่ว่าพี่ยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้แน่ชัด ว่าตกลงภายในวันสองวันนี้เขาจะกลับมาหรือไม่ คือถ้ามันมีเหตุการณ์อย่างนี้เขาจะกลับมาหรือเลื่อนไปพี่ยังไม่แน่ใจ เพราะว่าถ้ากลับมาตอนนี้เขาคงแย่เหมือนกัน นี่ก็รอดูว่าวันสองวันเขาจะโทร.มาอีก”แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงทางออกของเรื่องนี้ หากบทสรุปคือพิ้งกี้ทำเรื่องอย่างว่าจริงๆ ทางทีวีซีนจะมีมาตรการอย่างไรกับนักแสดงในสังกัดที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม เจ้าตัวก็รีบสวนกลับทันควันว่า... “พี่ยังบอกไม่ได้ มันยังไม่ได้คุยกันๆ อย่าไปพูดว่า ถ้าสมมุติ มันถ้าไม่ได้เพราะยังไม่ได้คุยกัน มันยังเป็นอนาคต ปัจจุบันนี้ยังไม่ได้คุยกับเขา ต้องเอาปัจจุบัน ถ้าคุยแล้วมันถึงจะมีคำตอบ พี่ให้คำตอบไปล่วงหน้าไม่ได้ (แล้ว โดยมาตรฐานการทำงานของค่ายทีวีซีน หากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นกับนักแสดงในสังกัดเคยดำเนินการอย่างไร?) ไม่ พี่จะบอกไม่ได้มาตรฐานของพี่ก็คือต้องคุยกันก่อน มันเป็นอนาคตของคนๆ นึงนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันเป็นอนาคตของเขานะ” “สมมุติพี่บอกว่า เฮ้ย คนนี้มันไม่ดีนี่หว่า พี่ไม่เอาแล้ว ชีวิตเขาอนาคตเขาก็ดับไปเลยถูกมั้ย เพราะเท่ากับว่าพี่ปฏิเสธ พี่ก็ไปซ้ำเติมเขาอีก มันไม่ใช่ไง มันต้องดูเหตุและผล พี่จะเป็นคนที่ไม่ทำร้ายใครแน่นอน แต่จะบอกถึงอนาคตว่ามันจะต้องร่วมงานกันไปตลอดมั้ย หรือว่าจะไม่ร่วมงานพี่ตอบไม่ได้ แต่สิ่งนึงที่บอกได้ คือพี่เป็นคนไม่ทำร้ายใครแน่นอน” “บอกได้อย่างเดียวว่า เหตุการณ์แบบนี้ เรื่องแบบนี้พี่ไม่สนับสนุน ถ้าเป็นจริง ถ้ายังคบหาติดต่อกันอยู่ ในขณะนี้ เดี๋ยวนี้ที่ร่วมงานกับพี่อยู่ พี่ไม่เห็นด้วยเลย พี่ไม่ชอบใจอย่างยิ่ง อันนี้พี่บอกได้เลย” ปัด ยังไม่มีฟีดแบคจากทางผู้ใหญ่ช่อง3 บอก ขอเคลียร์เองเพราะเป็นคนพามา ที่เหลือค่อยตัดสินใจร่วมกัน “ยังๆ (เสียงเซ็ง) พี่ยังไม่ให้ไปรบกวนผู้ใหญ่หรอก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว พี่ต้องคุยก่อนเพราะเป็นคนติดต่อเขามา พี่ต้องเป็นคนเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย ถึงจะไปเรียนให้ทางนาย(ประวิทย์)ทราบ ว่าตกลงเราจะเอายังไง หรือพิ้งกี้จะเอายังไง ไม่ใช่อยู่ที่พี่คนเดียวนะ มันอยู่ที่น้องด้วย” ยอมรับ ด้วยความที่สนิทกับธัญญ่ามาเป็น 10 ปี แล้วคู่กรณีพิ้งกี้ก็เป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของตนเอง ทำให้รู้สึกลำบากใจที่ต้องเป็นคนกลาง “มันก็ต้องลำบากใจทั้งนั้นแหละ จะบอกว่าบอกว่าพี่มีความสุขใจได้ไง(หัวเราะ) ลำบาก ใจที่ว่านี่ก็เด็กที่เราต้องดูแล อีกคนก็เป็นน้องที่สนิทสนมกัน รู้จักกันมาเป็น 10 ปี พี่พูดได้เลยว่าธัญญ่าก็ยังรู้สึกดีๆ กันอยู่ ก็ยังคุยกันอยู่ เมื่อวันอาทิตย์(10 ต.ค.)ก็ยังคุยกันอยู่ มีอะไรเขาก็โทรมาระบาย แต่เขาก็ไม่เคยพูดถึงไม่เคยด่าพิ้งกี้ มีแต่โทร.มาปรึกษาหารือ โทร.มาระบายในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่ โทร.มาเรื่องลูกอะไรแบบนี้” “เขาเข้าใจและเขาก็ ไม่มาแบบ พี่ปิ่นธัญญ่าขอร้อง อย่าเอาพิ้งกี้นะ ไม่มี ไม่เคยเลย ด้วยความสัจจริง ไม่เคยเลย (วันนั้นคุยอะไรกันบ้าง?) เขาไม่สบายใจเรื่องคลิปที่มันออกไป (ให้คำแนะนำอะไรธัญญ่าบ้าง?) (นิ่งคิดสักพักก่อนตอบ...) ก็มีบ้างตามประสาผู้ใหญ่ที่จะให้คำปรึกษากับน้อง พี่ก็พูดรวมๆ ว่าจะคิดจะทำอะไรอย่านึกถึงตัวเอง อย่านึกถึงพี่เป๊ก แต่ให้นึกถึงลูกมากๆ คือจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้คิดถึงลูกก่อน แล้วทุกอย่างมันก็จะซอร์ฟลง มันก็จะดีเอง เพราะว่าเรามีอะไรยึดเหนี่ยว เรามีอะไรที่เราคิดถึง พี่ก็ให้คำแนะนำง่ายๆ อย่างนี้” พร้อมกันนี้เจ้าตัวเชื่อว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งเรื่องคลิปเสียงที่หลุดออกมาล่าสุด ไม่ใช่การจงใจทำลายกันของทั้งสองฝ่าย แต่ส่วนตัวมองเป็นการปกป้องตัวเองของทั้งคู่มากกว่า “ถามว่าพี่คิดอย่างนั้นมั้นน่ะเหรอ(ย้อนถามผู้สื่อข่าว) อืม... พี่ไม่คิดว่ามันเป็นการทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออะไรอย่างนี้นะ พี่คิดว่าธัญญ่าก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง ที่จะเคลียร์ปัญหาอันนี้ คือธัญญ่ามีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง และครอบครัวก็คือลูก และสุดท้ายก็คือครอบครัวเขา ในขณะเดียวกันพิ้งกี้ก็มีสิทธิ์จะปกป้องตัวเองเช่นเดียวกัน ที่ไม่ให้ดูเลวร้ายกับสังคม เพราะฉะนั้นมันก็เลยดูเหมือนเป็นการเถียงกันทะเลาะกัน ไม่ใช่ความผิดของฉันมันเป็นความผิดของเธอ พี่ว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์นะ มันไม่ใช่เรื่องใส่ความอะไรกันหรอก แต่มันเป็นเรื่องตัวเองมากกว่า” “เรื่องแบบนี้พี่ว่าสื่อต้องช่วยกันน่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟิล์มกับแอนนี่ พี่ว่าถ้าเราให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้น้อยลงไป เรื่องมันก็จะไม่เยอะขนาดนี้ เรื่องไม่ดีมันก็ต้องมีการตักเตือนกัน แต่ที่พูดหมายถึงว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระสำหรับสังคม และเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีที่สังคมจะต้องรับรู้มากเกินไป โดยเฉพาะกับเด็กวันรุ่น อ่านข่าวมีแต่เรื่องคาวโลกีย์ แล้วมันจะทำให้แวดวงบันเทิงของเรามันดูแย่ในสายตาคนอื่น” “เวลานี้ไปที่ไหนก็มีแต่ อ้อ...พวกนักแสดงมันมั่วกันอย่างนี้เหรอ แล้วพี่อยู่วงการนี้พี่ก็รู้ว่ามันเป็นจำนวนน้อย พี่ก็รักวงการของพี่ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ใครมาทำลายวงการนี้ เรามีความรู้สึกว่าตอนนี้มันแย่ไปหมด ก็อยากให้นักข่าวช่วยๆ กันหน่อย” อย่างไรก็ตาม กับเรื่องดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง “สมรักษ์ ณรงค์วิชัย” หัวหน้าฝ่ายผลิตรายการไทยทีวีสีช่อง3 เจ้าตัวก็ชี้แจงว่า ทราบข่างตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ฟังคลิปด้วยตนเอง จึงไม่อยากออกความเห็นใดๆ รวมไปถึงมาตรการที่จะดำเนินการกับพิ้งกี้ ที่ตกเป็นข่าวฉาวรายวัน อีกทั้งโดยส่วนตัวยังไม่อยากปักใจเชื่อใคร เพราะคิดว่าใครก็ปั่นกระแสขึ้นมาก็ได้ ฉะนั้นขอเวลาพิจารณาหลักฐานก่อน จึงจะให้ข้อสรุปได้ว่าจะดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างไร
อ่านหน้าต่อไปคลิก Older Posts