Monday, February 9, 2009

อั้ม เซ็กซี่อ่อย 'ตุ้ย' แจกหอมแก้ม



ตอนก่อนยังเป็นมารยาหญิงแค่เล่มเกวียนแรก ต้องตามดูต่อในละคร “เมียหลวง” ตอนต่อไปนี้ เมียน้อยสุดเซ็กซี่อย่าง อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ จะงัดมารยาหญิงเล่มสองสามสี่ออกมาใช้อีกเป็นชุดๆ งานนี้ ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล ไม่ระทวยก็ให้มันรู้ไปเด่ะ!โดยเป็นฉากที่ อรอินทร์ (อั้ม) ชวน อนิรุทธิ์ (ตุ้ย) ไปเล่นน้ำทะเลกัน พอแดดเริ่มแรง อรอินทร์ ก็ออดอ้อนให้ อนิรุทธิ์ พามาส่งที่บ้านพัก ก่อนจะหอมแก้มให้รางวัล--ฉากนี้ หลุยส์-สยาม สังวริบุตร ยกกองมาถ่ายทำที่ วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา ตรงชะอำ จ.เพชรบุรี เพราะเห็นว่าห้องพักหรู ชายหาดสวย เหมาะแก่การบิ๊วอารมณ์ ให้ หนุ่มสาวกระเจิดกระเจิง ตอนแรกกระจอกข่าวก็เกือบสติกระเจิงไปเหมือนกัน เพราะมีข่าวว่า อั้ม จะนุ่งทูพีซลงทะเล

แต่ สุดท้ายกลายเป็นขาสั้น แต่ก็เอาน่ะ แค่ได้เห็น อั้ม นุ่งขากุดก็เป็นบุญตาแล้ว เพราะเรียวขาน่ามอง แถมเสื้อเอวลอยอวดเอวคอดและหน้าท้องแบนราบสุดเซ็กซี่ ขนาดฝรั่งที่นอนอาบแดดแถวนั้นมองตามเป็นแถว การถ่ายทำเริ่มจาก อั้ม ชวน ตุ้ย ออกมาเดินตามชายหาด ก่อนที่ อั้ม จะฉุด ตุ้ย วิ่งลงทะเลและเล่นวักน้ำใส่กันจนเสื้อผ้าเปียกแทนที่จะหนาว กลับยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ร้อนแรงให้ อั้ม เข้าไปอีกถึงตอนที่ อั้ม อ้อนขอขี่หลังให้ ตุ้ย พาไปส่งบ้านพัก ซึ่ง ตุ้ย ก็ยินดี ทีนี้ยิ่งใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เนื้อเบียดเนื้อ แถมพอถึงบ้าน อั้ม ยังอ่อยเหยื่อยื่นหน้าไปหอมแก้ม ตุ้ย อีก 1 ฟอด...เฮ่อ หนักใจแทนเมียหลวงซะแร้วสิ!

คมแฝก 2 ทำพิษ ‘นุ่น’ ช้ำไปทั้งตัว


เรียกว่าเป็นนางเอกหน้าหวาน ที่ล่าสุดต้องหันมาเล่นบู๊แอ๊คชั่นในละครเรื่อง “คมแฝก 2” และต้องหันมาบู๊ด้วย “นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์” โชว์แผลช้ำให้เราดู ผลจากการเรียนเตะต่อย ในเรื่องนี้ นุ่น เผยกับผู้สื่อข่าวว่า
“ในละครเรื่องคมแฝก 2 มันจะมีการเปลี่ยนแปลงของตัวละครต่าง ๆ ก็มีโอกาสได้บู๊ด้วย อีกอย่างที่ต้องเรียนเพราะเราไม่มีพื้นฐานเลย นุ่นก็ไปเรียนที่กรมศิลปากร ก็ต้องไปเรียนมีดบิน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เรียนเรื่องมีด เขาสอนเรื่องการเตะต่อยก่อน แต่แค่เตะต่อย นุ่นก็ได้เขียวไปทั้งตัวเลย แต่ก็สนุกดีค่ะ เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน” ขอถามเรื่องข่าวแต่งสักหน่อย ข่าวออกมาเยอะจริง ๆ มีหวั่นไหวกับข่าวบ้างไหม “ไม่ค่ะ เรื่องแต่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องคิดให้ดี ๆ ไม่ใช่ว่าเพราะแรงยุ หรือว่าเพราะใครมาดูดวงไม่ใช่” แล้วที่ข่าวออกมาว่าเตรียมเรื่อง เพื่อนเจ้าสาวไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ “จริง ๆ เพื่อนนุ่นก็มีไม่กี่คน เดาไม่ยากอยู่แล้วค่ะ แต่จริง ๆ นะ ยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน ไม่ได้ดูฤกษ์ดูอะไร ไม่ได้คุยกัน” ถ้าไม่ถึงขั้นแต่ง แค่เรื่องหมั้นคุยกันบ้างไหม “ไม่มีการคุยเลยค่ะ ถ้ามีอะไรบอกแน่ ๆ เลย” ข่าวออกมาเยอะขนาดนี้ ทางต๊อด “ปิติ ภิรมย์ภักดี” เขาว่าไงบ้าง “ก็มีคุยกันเรื่องนี้ เพราะว่ามีคนถามเยอะ แต่เราก็คุยกันเล่น ๆ มากกว่า พอมีคนถามเขาก็บอกว่าอาทิตย์หน้าอะไรแบบนี้ สนุก ๆ ไม่ได้คิดอะไรแบบซีเรียสเลย ยังไม่ถึงเวลาของเราค่ะในตอนนี้” ในปีนี้มีคนเลิกกันหลายคู่เลยทีเดียว อย่างนุ่นมีอะไรยึดเหนี่ยวในการคบหากัน “ก็ไว้ใจกันและกัน ถามว่าโอกาสเลี่ยงในการที่จะเจอคนเดินเข้ามา นุ่นว่ามันก็มีทุกคนอยู่แล้ว และที่สำคัญเรายังไม่ได้แต่งงาน แต่สำหรับตัวนุ่นเอง นุ่นไม่ได้เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาหรือว่านุ่นไปคุยกับใคร เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน และต้องขอบคุณเขามากเวลาที่เขาให้สัมภาษณ์เขาก็ให้เกียรตินุ่นมาก”.

วินนี่ พา ‘นก’ เจอแม่วันวาเลนไทน์


สนิทสนมดูใจกับ นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ มาพักใหญ่แล้ว สำหรับนายแบบหนุ่มลูกครึ่ง “วินนี่” โดยล่าสุดเจ้าตัววางแผนวันวาเลนไทน์เอาไว้ว่าจะพาสาวนกไปพบคุณแม่ที่กำลังเดินทางมาจากเมืองนอก
วินนี่ เผยว่า “แม่ของผมมาเที่ยวเมืองไทยครับ ก็กะว่าจะฉลองวาเลนไทน์กับคุณแม่ แล้วก็จะพานกไปทานข้าวกับคุณแม่ด้วย ผมชวนเขาแล้ว ไปเที่ยวกันแบบสบาย ๆ แต่ก็พิเศษ” ...เรียกว่าเป็นเกิร์ลเฟรนด์ได้หรือยัง... “ยังครับ แต่ตอนนี้ก็สนิทกันมากขึ้น” แต่สำหรับคนไทยถ้าพาไปหาพ่อแม่แสดงว่าเป็นคนพิเศษ? “เหรอครับ ก็คงจะแตกต่างจากเมืองนอก ก็คงต้องรอดูกันต่อไปก่อน ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็ต้องคุยต้องศึกษากันไปอีกระยะ แต่ที่ผ่านมาผมกับเขาก็สนิทกัน อยู่กับเขาแล้วรู้สึกสบายใจ” ...เมื่อวันก่อนมีคนเห็นนกขับรถไปหาวินนี่ที่คอนโดมิเนียม ซอยอารีย์... “ก็ไปเจอกันเฉย ๆ นัดกันไปทานข้าว ก็ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ บางทีก็นัดเจอกันที่อื่น ผมชอบเจอกับเขาครับ”.

สน เซ็ง!!เจอสกัดดาวรุ่ง ภาพหวือหลุดว่อน


อู้..อ้า..า เหล่าเก้ง กวาง ชะนี ร้องเสียงหลง!! เห็นภาพหวือของ สน-ยุกต์ ส่งไพศาล หลุดว่อนเน็ต ต๊ก กะใจหมดเลยว่า สน ไปแอบถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สน ได้เห็นภาพแล้ว ระบุ!! ภาพหวือที่โผล่เกิดจากการรีทัชจ้องทำลายชื่อเสียง ซึ่ง สน เปิดใจในงาน เซนส์ ออฟ จอย ว่า “เห็นแล้วครับ คิดว่ามันน่าจะเป็นรีทัช คือเป็นหน้าผมจริง แต่ข้างล่างมันไม่ใช่ เป็นการตัดต่อมากกว่าครับ ผมจำไม่ได้ว่าถ่ายที่ไหน ไม่รู้เค้ารีทัชตรงไหนบ้าง ที่ผมเคยถ่ายแบบโป๊สุดคือถอดเสื้อ ไม่ถึงข้างล่าง เห็นภาพก็รู้สึกแย่นิดนึง แต่ก็รู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็พยายามไม่เครียดครับ” ยืนยันว่าในภาพหุ่นไม่ใช่สน แล้วมันต่างกันมากมั้ย? “ไม่รู้จะบอกยังไง ดูในละครเอาแล้วกัน ตัวจริงสนจะแห้งๆ แต่ในภาพมันดูบึ้กๆ” โกรธมั้ย? “ไม่ครับ ทำใจไว้ก่อนเข้าวงการแล้วว่าต้องมีภาพอย่างนี้หลุดมา คงมีคนทำร้ายเรา ก็ทำใจยอมรับ” เจอสกัดดาวรุ่ง? “ใช่ๆ” ข่าวว่าจะมีหลุดตามมาอีก? “ถ้ามีก็คงไม่ใช่ผม ผมไม่เคยถ่ายโป๊” ทราบคนปล่อยภาพมั้ย? “ไม่ทราบครับ ถ้าทราบก็ขอเค้าแล้ว ผู้ใหญ่ทางเอ็กแซ็กท์เค้าบอกว่าสนไม่ต้องเครียด เพราะเหมือนเค้ารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แรกๆก็เสียใจว่าทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วย การ สกัดดาวรุ่งเป็นบาป ปล่อยภาพหลุดก็บาป ไม่อยากให้ทำกัน ก็ปรึกษาพ่อแม่ เคยคุยกันแล้วว่ามันต้องมีอย่างนี้อยู่แล้ว ท่านเห็นภาพก็หัวเราะ ถามสนว่าไปถ่ายมาเหรอ ผมก็บอกเปล่า” เคยถ่ายไว้กับโมเดลลิ่งมั้ย? “เคยแต่ใส่เสื้อผ้า มากสุดก็คือถอดเสื้อ ไม่ได้ลงข้างล่าง กางเกงว่ายน้ำก็ไม่เคยถ่าย ต้องเป็นกางเกงขาสั้นถึงผมจะยอมถ่าย” มั่นใจไม่ใช่สน? “มั่นใจ” คิดจะฟ้องมั้ย? “ผมก็กะจะอยู่เฉยๆก่อน ก็คงต้องคุยกับผู้ใหญ่อีกที

แตงโม ลั่น! เลวเองแอบมีกิ๊ก


แตงโม-ภัทรธิดา โผล่ประกาศ! เลวเองแอบมีกิ๊ก ทำไฮโซ ก้อง-กรุณ หึงไม่พูดด้วย เผยขอโทษตามง้อฝ่ายชาย แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้จับมือตอนเดินแฟชั่น เป็นเหตุทำให้บ่อน้ำตาแตก โต้ร้องไห้สร้างภาพ พร้อมป้องฝ่ายชายเป็นคนดี เปล่าเป็นเกย์-เจ้าชู้ หรือถูกคู่อริ "เจนี่" ฉก ปัด ป้อง-ณวัฒน์ เป็นคนที่แอบกิ๊ก ตอนนี้สุดแฮปปี้ที่ไฮโซหนุ่มให้อภัย และกลับมาคบหาเป็นแฟนเหมือนเดิม

หลังร้องไห้ปล่อยโฮกลางงานเดินแฟชั่นคู่แฟนหนุ่ม ก้อง-กรุณ เมื่อวันก่อน เป็นเหตุทำให้เกิดกระแสข่าวนางเอกสาว แตงโม-ภัทรธิดา รักล่มกับไฮโซหนุ่มเรียบร้อยแล้ว ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (7 ก.พ.) แตงโมได้นัดสื่อมาฟังเรื่องจริงจากปากของเธอเอง โดยก่อนอื่นนางเอกสาวได้กล่าวขอโทษสื่อที่ร้องไห้ และหนีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ

"ก่อนอื่นวันนั้นต้องขอโทษพี่ๆ นักข่าวด้วย ทุกคนก็จะรู้ว่าโมไม่เคยวิ่งหนีนักข่าว มีอะไรก็จะพูดหมดอยู่แล้ว แต่วันนั้นด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ สถานการณ์มันพาไปโมก็ไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งหนี ปกติโมไม่ค่อยร้องไห้นอกสถานที่ โมเป็นคนค่อนข้างเก็บอารมณ์ได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามโมจะกลับบ้านไปร้องไห้ทุกครั้ง แต่เรื่องบางเรื่องที่มันมีผลกระทบต่อจิตใจมากๆ ทุกคนก็คงจะเห็นว่าโมพยายามกลั้นแล้ว ซึ่งโมก็ขอโทษพี่ๆ นักข่าวด้วย และฝากขอโทษไปถึงพี่โต้ง พี่เล้ง ฟิลลิป พี่ยุ้ย โอลิเวียร์ และทีมงานทุกๆ คน คือโมไม่รู้ว่ามันจะมีผลกระทบร้ายแรงแค่ไหน แต่ต้องขอโทษจริงๆ"

"บางคนคิดว่าเป็นการสร้างข่าวสร้างภาพ หรือเป็นการแอ๊คติ้งหรือเปล่า แต่ถ้าทุกคนรู้จักโมจะรู้ว่า โมไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรแบบนั้นเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียง ทุกคนจะเห็นว่าโมเป็นคนค่อนข้างเข้มแข็งมาตลอด เรื่องแบบนี้ไม่มีทาง ถ้ามันไม่สุดจริงๆ แล้วโมคงไม่ปล่อยมันออกมา อยากจะบอกตรงนี้ว่ามันไม่ใช่ละครแน่ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือตอนนี้พอมีภาพโมร้องไห้ออกไป ทุกคนมุ่งประเด็นไปที่ว่าพี่ก้องมาทำร้ายอะไรโมหรือเปล่า 2.โมทนความเจ้าชู้ของพี่ก้องไม่ไหวหรือเปล่า 3.พี่ก้องเป็นเกย์หรือเปล่า อยากจะบอกว่าทั้ง 3 ข้อนี้ลืมมันไปได้เลยค่ะ โมอยากให้มองใหม่และคิดใหม่ ฟังจากโมตรงนี้ สิ่งที่โมจะเล่าต่อไปนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจอะไรๆ ได้ดีมากขึ้น และโมก็จะขอพูดที่นี่ที่เดียว ถ้าพี่ๆ เอาไปเขียนลงโมขอร้องให้พี่ๆ ลงตามที่โมพูดให้ตรงด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟสำหรับโม พี่ก้อง ครอบครัวพี่ก้อง และครอบครัวโมมากๆ ด้วย"

"พี่ก้องไม่ได้ทำอะไรเลย เขาอยู่เฉยๆ เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดจากตัวโมเอง เมื่อเกือบๆ อาทิตย์หนึ่งก่อนจะมีงานวันนั้น เราอยู่ในช่วงทะเลาะกันอยู่ และไม่คุยไม่ติดต่อกันเลย เหตุเกิดมาจากความผิดของโมเอง โมเป็นคนทำผิดร้ายแรงกับพี่ก้องเอง เป็นความผิดที่โมลองนึกย้อนว่าถ้าเป็นตัวเขา โมก็คงทนไม่ได้รับไม่ได้ และตัวโมเองทำไปก็รู้สึกผิดมาก รู้สึกสำนึกมากๆ และอยากขอโทษเขาตลอดเวลา เรื่องของเรื่องคือโมไปสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง แล้วมันทำให้พี่ก้องเสียใจ มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่พี่ก้องได้รับรู้ข่าวสาร และโมเคยรับปากเขาไว้หลายทีแล้ว แต่มันอาจจะยังมีติดต่อกันอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ถึงทุกวันนี้โมก็ไม่ได้สนิทกับเพื่อนคนนี้อีกแล้ว โมก็ได้บทเรียนครั้งใหญ่แล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทุกอย่างมันเป็นความผิดความเลวของโมเอง คือความเป็นเด็กไม่ดีเป็นเด็กดื้อของโมเอง"

"เพราะฉะนั้นหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกัน โมพยายามขอโทษ โมพยายามยอมรับสารภาพผิด โมพยายามติดต่อกับพี่ก้อง แต่โมไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากพี่ก้องเลย พี่ก้องเงียบหายไปเลย และโมก็รู้สึกว่าเรายังต้องทำงานด้วยกันอีกหนึ่งวัน ช่วงระหว่างนั้นโมก็ยังไม่รู้บทสรุปว่าเราเลิกกันหรือเปล่า ณ เวลานั้นเรายังไม่มีการเคลียร์อะไรกัน พอถึงวันที่ต้องเดินแฟชั่นด้วยกันโมเห็นเขามาแต่งตัว แต่โมยังไม่มีความพร้อมที่จะคุยเพราะกลัวทำงานไม่ได้ เราไม่รู้ว่าคุยไปแล้วจะเป็นในแง่บวกหรือแง่ลบ โมก็เก็บไว้ก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปเคลียร์กันที่บ้าน หรือไปเคลียร์กันทางอะไรก็ตาม แต่ขอให้งานผ่านไปก่อน พี่ๆ ทีมงานก็มาถามโมว่าทำงานไหวมั้ย ถามพี่ก้องว่าทำงานไหวมั้ย เราทั้งสองคนก็ตอบด้วยความที่เรารับปากที่จะทำงานแล้ว เราก็ต้องแสดงความเป็นมืออาชีพ งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว เราทั้งคู่ก็บอกว่าเราทำงานได้ จากนั้นเราก็ออกไปทำงาน"

แจงเหตุร้องไห้เพราะถูกฝ่ายชายปฏิเสธไม่ให้จับมือ ป้องก้องเปล่าทำร้าย และหลังเดินแฟชั่นก็ได้เคลียร์กันเรียบร้อยลงตัว แฟนหนุ่มยอมให้อภัยและกลับมาคบกันเป็นแฟนเหมือนเดิม

"แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้โมอาจจะนอยด์ไปเองว่า หรือว่าวันนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่า ที่โมกับพี่ก้องจะได้เจอกัน ก่อนที่จะเดินลงบันไดเลื่อนลงไปเดินแฟชั่น โมก็บอกพี่ก้องว่าขอจับมือได้มั้ย เพราะโมคิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหรือเปล่าที่เราจะได้เจอกัน พี่ก้องก็บอกว่าอย่าเลย เท่านั้นแหละ...ด้วยความที่โมรู้สึกผิดในใจอยู่แล้วที่ไปทำให้เขาเสียใจ และมาถูกเขาปฏิเสธอย่างนี้อีก โมก็พยายามกลั้นแล้ว ทุกคนจะเห็นว่าโมพยายามกลั้นแล้วจริงๆ แต่กลั้นไม่ไหวจริงๆ แต่ว่าพอมาลองคิดอีกที พี่ก้องคุยกับโมตอนหลังว่า ถ้าพี่ยื่นมือให้เราจับ เราก็ร้องอยู่ดี ซึ่งมันอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยความที่เราไม่ได้เจอกันมาเกือบอาทิตย์ จากคนที่เคยเจอกันทุกวัน แล้วมาอยู่ในสถานที่เดียวกันโดยไม่คุยกันเลย มันค่อนข้างอึดอัดและอยากจะพูดขอโทษ แต่มันยังไม่มีโอกาส ดังนั้นพอมันได้ยินคำว่าอย่าเลย น้ำตามันไม่ไหลแต่ความรู้สึกมันร้องไห้ในใจ พอเดินไปสักพักนานเข้าข้างในมันเริ่มไม่ไหว น้ำตาก็เลยไหลออกมา โมรู้ตัวไม่ไหวเลยขอตัวดีกว่าที่จะมีภาพที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้พอคนในงานเห็นเลยเข้าใจผิดคิดว่าพี่ก้องมาทำอะไรโมหรือเปล่า ก็อยากให้เข้าใจพี่ก้องว่า ถ้าคุณเป็นพี่ก้อง คุณก็ต้องโกรธโมแบบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นความผิดทุกอย่างโมขอรับไว้คนเดียว ทุกอย่างเกิดจากตัวโม โมทำร้ายตัวเอง โมทำให้พี่ก้องเสียใจ โมต้องได้รับบทลงโทษเหล่านี้เอง อย่าไปมองพี่ก้องไม่ดี อย่าไปคิดว่าพี่ก้องทำร้ายโม พี่ก้องไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ตลอดเวลาที่คบกันมา 3 ปีพี่ก้องดีกับโมตลอด"

"หลังจากที่เดินแฟชั่นเสร็จตอนกลางคืนเราสองคนก็มีการติดต่อกัน เพื่อมีการเคลียร์ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป พี่ก้องให้อภัยโม และให้โอกาสโม เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของเรา ณ เวลานี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่โมก็เข้าใจว่าทุกอย่างทั้งสภาพจิตใจของโมและพี่ก้อง มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลานี้ไม่ได้ ตัวโมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อทำให้เขาเห็นว่า โมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับเขาแล้วจริงๆ ตอนแรกโมไม่ให้อภัยตัวเองก็เลยเครียดตลอดทั้งวัน ตอนนี้โมให้อภัยตัวเองเพราะพี่ก้องให้อภัยโม และพร้อมที่จะเป็นเด็กดีของพี่ก้องเหมือนเดิม ทุกอย่างตอนนี้ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม และกลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้วนะคะ ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ต่อจากนี้ไปโมขออนุญาติที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะมันก็ไม่มีอะไรร้ายแรงไปมากกว่านี้ ทุกอย่างมันแฮปปี้เอ็นดิ้งค่ะ"

หลังจากนี้โมจะทำตัวยังไงต่อไป? "หลังจากที่เคลียร์กันเป็นธรรมดาที่โมจะต้องตั้งใจมีสติ และเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้ ต้องทำอะไรด้วยความรอบคอบ พยายามคิดถึงสิ่งที่ดีกับเรา ณ วันนี้และในอนาคต พยายามทบทวนว่าเราทำอะไรลงไปแล้ว มันจะมีผลกระทบกับใครบ้าง เรียกง่ายๆ ว่าต้องเป็นเด็กดี"

คิดว่าก้องจะไว้ใจเหมือนเดิมได้มั้ย? "ถ้าพี่ก้องจะไม่ไว้ใจโม นั่นคือบทลงโทษที่โมต้องได้รับแน่ๆ คนทำผิดต้องได้รับบทลงโทษมันก็เหมือนกฎหมาย ทุกอย่างวันนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิมจริง แต่จะให้พี่ก้องไว้ใจโมก็เข้าใจว่าคงจะยากสักหน่อย เพราะโมเองที่ทำตัวให้เขาไม่ไว้ใจ เลยอยากให้ทุกคนเข้าใจพี่ก้องด้วย"

ผู้ชายคนนั้นที่โมสนิทด้วยหลายคนมองว่าเป็นป้อง-ณวัฒน์? "โอ๊ย....ไม่ใช่ค่ะ โมไม่ขอพูดถึงบุคคลที่สาม เพราะมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาเป็นที่จดจำกับข่าวของเรา ดังนั้นกับคนที่ร่วมงานถ่ายละครด้วยกันไม่มีอะไรทั้งนั้น ทุกคนจะสนิทกันเหมือนเพื่อนเล่น ไม่มีความเคารพเหลือให้กันเลย มันไม่มีความลึกซึ้งละเอียดอ่อนถึงขนาดจะมาสวีทกันได้"

"ถามว่าคนนั้นเป็นคนในหรือนอกวงการ โมไม่ขอพูดและขออนุญาติไม่พูดถึง เพราะคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะมากกว่าคนอื่นๆ ที่พูดกันแล้ว และโมก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะเดินออกมาจากเขาเอง เพราะเราก็ไม่ได้ไปสนิทอะไรมากมายอยู่แล้ว เพียงแค่บางเรื่องคุยปรึกษากันแล้วเข้าใจกัน คือความสนิทกับคนนั้นมันเป็นเรื่องเก่า ที่พี่ก้องบังเอิญมารู้ทีหลัง แต่โมไม่คิดสานสัมพันธ์ยืดยาวอะไรกับเขาอยู่แล้ว"

อีกประเด็นหนึ่งคนมองว่า เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เข้ามาเป็นมือที่สาม? "ไม่เกี่ยวเลย มันเป็นเรื่องความผิดของโม ก็จบที่โมดีกว่า โมรับเองไม่ต้องโยงถึงคนอื่นเพราะมันไม่เกี่ยว"

ออกมายอมรับว่าตัวเองผิดอย่างนี้ กลัวตัวเองเสียมั้ย? "โมว่าถ้าเราโกหกต่อไป มันไม่ใช่นิสัยโม และอย่างที่ทุกคนรู้เรื่องที่โมไม่ผิด โมต่อสู้สุดใจขาดดิ้นกับความไม่ผิดของโม แต่เมื่อโมผิดก็พร้อมที่จะยอมรับและขอโทษ เหมือนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนด้วยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรแล้ว
อ่านหน้าต่อไปคลิก Older Posts