Monday, April 20, 2009

สุดเศร้า หนุ่ม กรรชัย ต้องนอนห้องคนขับรถ

สุดเศร้า หนุ่ม กรรชัย ต้องนอนห้องคนขับรถ ระบุตั้งแต่แม่ตายต้องเข้าไป อยู่กับครอบครัวแม่เลี้ยง ต้องนอนกับคนขับรถ ซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ เผยที่ต้องฟ้องศาลเพราะพบว่าทรัพย์สินถูกเปลี่ยนมือ พระพ่อถูกประกาศขายหลังจากวันนี้ (20 เม.ย.) ศาลแพ่งธนบุรี นัดพร้อมในคดีที่หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ถอดถอน นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย และนายอัคระ กำเนิดพลอย แม่เลี้ยง และบุตรต่างมารดา จากตำแหน่งผู้มีอำนาจจัดการมรดกของนายประกอบ กำเนิดพลอย บิดา ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อปี 2547 ทิ้งกองมรดกที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมมูลค่ากว่า100 ล้านบาทไว้เบื้องหลัง โดยศาลให้คู่ความเจรจานอกรอบก่อน แต่ไม่สำเร็จ ศาลจึงเปิดห้องไกล่เกลี่ยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงแต่ยังตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงนัดคู่ความมาศาล เพื่อตรวจดูบัญชีทรัพย์สินอีกครั้ง ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในศาล หนุ่ม-กรรชัย มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่หันไปมองหน้าลูกๆ อีกฝ่ายแม้แต่น้อย ขณะที่ฝั่งคู่กรณีให้สัมภาษณ์สื่อว่าที่ผ่านมา หนุ่ม-กรรชัย ได้ขอเงินและทรัพย์สินที่บ้านไปบ่อยมาก และไม่เข้าใจเหตุใดจึงต้องฟ้องร้องให้เป็นคดีความนั้นล่าสุด หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย เปิดเผยว่า ได้ติดตามข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายเชษฐา และ น.ส.อุบลวลี กำเนิดพลอย ผ่านทางเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์แล้ว รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แม้ว่าทรัพย์สมบัติที่ได้มาของนายประกอบผู้เป็นพ่อ ได้มาจากมรดกของคุณปู่ที่ตามเสด็จฯ กรมหลวงลพบุรีรามเทพ และพระองค์เจ้าหญิงเฉลิมฑิคัมพร แต่เรื่องที่ว่านายเชษฐา ให้สัมภาษณ์ว่าก่อนเกิดเรื่องนั้นตนไปมาหาสู่ที่เชียงใหม่บ่อยๆ นั้น อยากชี้แจงว่าไม่เคยมีบ้านที่เชียงใหม่ แม้กระทั่งเมื่อครั้งที่ตนบวช นางสุภาพรรณ ยมจินดา พี่สาวของมารดาตน เป็นผู้บวชให้ จัดงานอย่างเงียบๆไม่ได้เชิญใคร แต่เจ้าอาวาสวัดไทรม้าใต้ รู้จักกับญาติของนางวิมลรัตน์ จึงบอกข่าวงานบวชให้นางวิมลรัตน์ ทราบและมาร่วมงานด้วยนักแสดงและพิธีกรชื่อดัง กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่ว่าตนไปขอเงินเพื่อซื้อรถฮอนด้านั้น อยากให้เอาหลักฐานมาแสดง เนื่องจากรถคันดังกล่าวเป็นของบริษัท ไอ ดู ไอซ์ เจ้าของกิจการร้าน ไอซ์ มอนสเตอร์นำมาให้ใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง มีหลักฐานการซื้อชัดเจน ไม่ใช่เงินมาจากนางวิมลรัตน์ตามที่นายเชษฐากล่าวแต่อย่างใดส่วนที่นายเชษฐา กล่าวหาว่าไปขอพระเครื่องรวมทั้งรูปหล่อฤาษีมูลค่ากว่า 8 ล้านบาทนั้น หนุ่ม-กรรชัย กล่าวว่า ฝ่ายของนางวิมลรัตน์ เสนอให้นำไปจำหน่าย แต่เมื่อนำของดังกล่าวมาแล้ว ตนรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะนำทรัพย์สินของบิดาไปขาย จึงเก็บรักษาไว้ และได้เคยนำไปแถลงต่อศาลแล้ว หากตนอยากได้เงินจริง คงไม่เก็บไว้ ตลอดเวลาเห็นว่ารูปหล่อพระฤาษีเป็นสมบัติของกองกลางที่ญาติทุกคนสามารถจับ ต้องได้ ไม่ควรนำไปจำหน่าย และเมื่อมีการจัดการมรดกอย่างชัดเจนแล้ว จะนำมาเป็นทรัพย์กองกลาง เคยบอกให้คู่กรณีทราบแล้วสำหรับที่อ้างว่าได้รับเช็คเงิน 2 แสนบาทนั้น หนุ่ม-กรรชัย กล่าวว่า ยินดีให้ตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเล่มว่ามีเลขตรงกับต้นขั้วเช็คที่คู่กรณีอ้าง หรือไม่ ขอยืนยันว่านับตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไป ไม่เคยไปขอเงินหรือทรัพย์สมบัติใดๆ ที่ผ่านมาเพียงแค่ทวงถามกับนางวิมลรัตน์และครอบครัว ว่าทำไมไม่จัดทำบัญชีทรัพย์สินของคุณพ่อหรือจัดแบ่งให้แก่ทุกคนตามที่สมควร จะได้รับ ไม่เคยไปขอของหรือเงินแต่อย่างใด ตนมีอาชีพเป็นพิธีกรสามารถหารายได้ด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังมีมรดกของมารดาหนุ่ม-กรรชัย กล่าวต่อไปว่า การให้ข่าวเช่นนี้ต้องการจะดิสเครดิตหรืออย่างไร ขอบอกว่าไม่มีประโยชน์ ทุกคนโตๆ กันแล้ว อย่าทำเป็นเด็กเล่นขายของ ขอให้เอาหลักฐานมาพิสูจน์ในศาลจะดีกว่า ตนยินดีจะไกล่เกลี่ย เพราะคือเจตนารมณ์ตั้งแต่แรก ตั้งแต่คุณพ่อเสีย ได้ถามถึงเรื่องนี้มาตลอด แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม จนมาทราบว่าทรัพย์สินมีการโอน เปลี่ยนชื่อให้แก่บุคคลอื่น เห็นพระของคุณพ่อลงโฆษณาขายในหนังสือพระ ทำให้ต้องนำเรื่องมาฟ้องศาล''การให้สัมภาษณ์ของนายเชษฐาและ น.ส.อุบลวลีทำให้รู้สึกโกรธมาก เพราะไม่เป็นความจริง ทำให้ผมเสียหาย ขณะนี้ปรึกษากับทนายความว่าควรจะฟ้องหรือไม่ และที่ฝ่ายนั้นบอกว่ารักใคร่ไปมาหาสู่กันดีนั้น ขอบอกว่าตั้งแต่แม่ผมเสียไป ผมต้องเข้าไปอยู่กับครอบครัวของคุณพ่อ เพราะคุณพ่ออยากให้ไปอยู่ใกล้ๆ แต่ผมต้องนอนกับคนขับรถ ซักเสื้อผ้ารวมกับคนรับใช้ อย่างนี้เขารักผมใช่มั้ย'' หนุ่ม-กรรชัย กล่าวด้วยความอัดอั้นในท้ายสุด

No comments:

Post a Comment

อ่านหน้าต่อไปคลิก Older Posts